เปิดมุมลับของลาสเวกัส ในอุโมงค์ระบายน้ำใหญ่ที่คนหลายพันชีวิตเรียกว่าบ้าน

         บนดินแดนแห่งแสงสีของเมืองที่ไม่เคยหลับและอาณาจักรกาสิโนอย่างลาสเวกัส ใครจะคิดว่าเบื้องล่างดินแดนที่ซึ่งอสังหาริมทรัพย์มีราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแห่งนี้ จะมีคนซึ่งมีความเป็นอยู่ตรงกันข้ามกับแสงสีด้านบนอาศัยอยู่ ที่อุโมงค์ระบายน้ำใต้เมืองลาสเวกัสได้กลายที่อาศัยของคนกว่า 1,000 ชีวิต พวกเขาเรียกทางน้ำที่อับทึบนี้ว่า "บ้าน"

         ด้วยสภาพภูมิประเทศของเมืองแห่งกาสิโนในรัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาหลายลูก จึงจำเป็นต้องมีทางระบายน้ำขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำออกจากเมืองไปให้รวดเร็วที่สุดในกรณีเกิดฝนตกหนัก แต่อีกประโยชน์หนึ่งที่ผู้สร้างมันขึ้นมาคงคิดไม่ถึงว่ามันจะถูกนำมาใช้ คือการเป็นบ้านให้กับผู้คนชายขอบของสังคม เขาเหล่านั้นคือคนไร้บ้าน มีทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็ก ทั้งคนโสด คู่รัก รวมทั้งที่อยู่กันเป็นครอบครัว ส่วนใหญ่ล้วนมีปูมหลังชีวิตไม่สู้ดีนัก


         สตีเว่น และแคธรีน ระเห็จลงมาอยู่ในอุโมงค์ระบายน้ำนับตั้งแต่ที่ฝ่ายชายติดโคเคน ตกงาน และสิ้นเนื้อประดาตัว, เอมี่และสามี เบนหน้าลงมาอยู่ในนี้หลังจากสูญเสียลูกชายวัย 4 เดือนไป สามีหันพึ่งยาเสพติด ในที่สุดก็เสียงาน เสียบ้าน เมื่อไม่งานก็ไม่มีเงิน และไม่สามารถจ่ายค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ที่แพงลิบลิ่วบนพื้นดินได้ มีอีกหลาย ๆ คนที่ต้องลงมาอยู่ใต้ดินเพราะเหตุผลไม่อาจลุกขึ้นยืนได้หลังเผชิญจุดตกต่ำของชีวิต

         ความพยายามทำอุโมงค์อับทึบให้เป็นบ้าน เห็นได้จากการพยายามตกแต่งทางระบายน้ำให้ใกล้เคียงที่พักทั่ว ๆ ไป นอกจากแผ่นไม้ปูผ้าทำต่างเตียงนอนแล้ว หลายคนก็นำเตียงจริง ๆ มาวาง เอาโซฟาเก่า ๆ มาไว้ ใช้แผ่นไม้มาทำเป็นชั้นหนังสือ ฯลฯ ของส่วนใหญ่ได้มาจากสิ่งของที่คนอื่นนำมาทิ้ง พวกเขาแอบไปเก็บมันลงมาในยามค่ำคืน อาศัยความมืดพรางตัวจากคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งสตีเว่นให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้ใครเห็น แค่ที่ต้องลงมาอยู่ในทางระบายน้ำก็น่าอดสูมากพอแล้ว


         ด้านการหาเลี้ยงปากท้องของคนอุโมงค์เหล่านี้ บ้างก็เป็นขอทาน บ้างเก็บขยะขาย บางส่วนก็แฝงตัวไปในกาสิโน คอยเช็กเก็บชิปเงินตามตู้สล็อต ก่อนจะนำไปแลกเป็นเงินจริง ซึ่งสตีเว่น เผยว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยเก็บได้มากถึง 997 เหรียญสหรัฐ จากสล็อตเพียงตู้เดียว นับเป็นวันที่ดีที่สุดของเขาเลย

         ไม่มีใครรู้ว่าพวกคนกลุ่มนี้ต้องดำเนินชีวิตอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินที่อับทึบไปอีกนานเท่าใด แต่สำหรับพวกเขาแล้ว การต้องอยู่กับความชื้นแฉะและน้ำที่ขังนองบางจุด หลับนอนกับรังหนู อาศัยอยู่ในแหล่งเชื้อโรค และเสี่ยงกับคนร้ายที่อาจบุกเข้ามาทำร้ายเหยื่อชายขอบสังคมที่ไม่มีคนสนใจ ก็ยังดีกว่าต้องนอนข้างถนนไร้ที่คุ้มแดดคุ้มฝนบนพื้นดินที่อยู่ข้างบนนั้น












ขอบคุณข้อมูลจาก
theplaidzebra.com
dailymail.co.uk