คุมตัว อาเดม เอี่ยวระเบิดราชประสงค์ ฝากขังศาลผลัดแรก ค้านประกันตัว หวั่นหลบหนี ด้านกองพิสูจน์หลักฐาน ยัน ถังสารเคมี 7 แกลลอนที่ค้นเจอในบ้านเช่าย่านมีนบุรี ไม่เกี่ยวโยงกับเหตุระเบิด
ผบก.กองพิสูจน์หลักฐานกลาง พร้อมตรวจสอบหลักฐานคดีระเบิด ส่งผลลายนิ้วมือแฝงบ้านเช่ามีนบุรีให้ พงส. แล้ว เร่งพิสูจน์ด้านสารพันธุกรรม
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2558 พล.ต.ต. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. เกี่ยวกับการตรวจสอบหลักฐานในคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ว่า จากการพิสูจน์ถังสารเคมี 7 แกลลอน ที่พบในบ้านเช่าในซอยราษฎร์อุทิศ 34 ย่านมีนบุรี เบื้องต้นไม่พบว่าเป็นสารที่เกี่ยวโยงกับระเบิดราชประสงค์ โดยหลังจากนี้จะต้องพิสูจน์รายละเอียดชนิดของสารเสพติดต่อไป ส่วนลายนิ้วมือแฝงได้ตรวจสอบและส่งให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว แต่ยังต้องเก็บรายละเอียดบางส่วนเพิ่ม พร้อมกับเร่งพิสูจน์ด้านสารพันธุกรรมด้วย
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต. ธวัชชัย ระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานเพิ่มเติม ก็จะนำมาให้ตรวจสอบ ทางกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันให้ความร่วมมือเต็มที่
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 ได้นำตัว นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมจากพูลอนันต์อพาร์ตเมนท์ ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 ย่านหนองจอก มาส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ซึ่งในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีฝากขังผลัดแรกต่อไป โดยคัดค้านการประกันตัว
ต่อมาในช่วงสาย พล.ต.ต. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต. สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ได้นำตัว นายอาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาร่วมขบวนการลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร มาฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดอรินทราช 26 มาคุ้มกันอย่างหนาแน่น โดยขณะที่ลงจากรถผู้ต้องขังนั้น นายอาเดม มีสีหน้าที่นิ่งเฉยและเดินก้มหน้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวเข้าไปในศาลจังหวัดมีนบุรี
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ และแจ้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และจะนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมีนบุรีต่อไป พร้อมกันนี้ มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ มาร่วมทำข่าวกันอย่างคับคั่ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของทางเจ้าหน้าที่
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
