การรถไฟออกคำสั่งพักงาน-เตรียมลงโทษขั้นเด็ดขาด พนักงานการรถไฟกระทำอนาจารนักศึกษาบนขบวนรถไฟ ชี้เป็นความผิดร้ายแรง
สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักศึกษา ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร หลังถูกพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยกระทำอนาจาร กักขังหน่วงเหนี่ยว บนตู้โดยสารขบวนรถไฟธนบุรี-หลังสวน เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 เวลา 18.00 น. ขณะโดยสารกลับบ้านหลังเลิกเรียนนั้น
เมื่อวานนี้ (26 กันยายน) น.ส.เอ พร้อมด้วยผู้ปกครองได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว โดย น.ส.เอ ระบุว่าในเวลานั้น ตนได้ขึ้นรถไฟจากสถานีชุมพร เพื่อไปลงยังสถานีเขาสวนทุเรียน อ.สวี พบว่าบนรถไฟมีคนนั่งอยู่เพียง 2 คน จึงเดินไปนั่งด้วย แต่พนักงานตรวจตั๋วคือ นายสุเมธ ทองไตรภพ อายุ 53 ปี ได้เดินมาตรวจตั๋ว และบอกว่านั่งตรงนี้ไม่ได้ ให้ไปนั่งด้านหน้าของโบกี้ ซึ่งไม่มีผู้โดยสารคนอื่นนั่งอยู่และห่างจากผู้โดยสารคนอื่นพอสมควร
จากนั้นนายสุเมธได้ทำทีเข้ามานั่งพูดคุย และพยายามเบียดให้เธอนั่งชิดขอบหน้าต่าง ทั้งยังพยายามใช้มือโอบกอด แต่เมื่อเธอบ่ายเบี่ยงและลุกหนีก็ถูกอีกฝ่ายใช้เท้าขวางไม่ให้ไป เธอกลัวว่าจะถูกทำร้ายหรือฆ่าและโยนออกนอกรถไฟเหมือนที่เคยมีข่าว เลยทำได้แค่นั่งนิ่ง แต่แล้วนายสุเมธก็บังคับให้เธอเดินทางไปนั่งที่โบกี้อื่นที่ไร้ผู้โดยสาร น.ส.เอ ไม่ยอมไปและพยายามหยิบโทรศัพท์มือถือจะโทรหาพ่อ แต่กลับถูกยึดไป ก่อนจะทำอนาจารด้วยการกอดจูบลูบคลำอวัยวะสงวนตามร่างกาย และกีดกั้นไม่ให้ลงรถไฟสถานีก่อนถึงปลายทาง เธอเห็นท่าไม่ดีจึงแย่งมือถือคืนมาขณะอีกฝ่ายพยายามจูบปาก แล้วได้กดข้อความไลน์หาพ่อให้มารับยังสถานีเขาสวนทุเรียน และพยายามถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเมื่อมาถึงสถานีรถไฟเขาสวนทุเรียน นายสุเมธได้กระโดดหนีลงไปหลบในป่าข้างทาง แต่พ่อและญาติของ น.ส.เอ ได้ช่วยกันค้นหาจนเจอ และเกิดการชกต่อยกันขึ้น จนนายสถานีรถไฟเขาสวนทุเรียนมาห้าม นายสุเมธจึงอาศัยจังหวะรถไฟออกกระโดดขึ้นรถต่อไปยังปลายทางที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร เธอจึงได้นำเรื่องเข้าแจ้งความ ซึ่งนายสุเมธก็พยายามขอไกล่เกลี่ย แต่ทางพ่อและญาติของ น.ส.เอ ไม่ยอม ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาทำอนาจารบนรถโดยสารสาธารณะ กักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมกับออกหมายเรียกให้นายสุเมธมารับทราบข้อกล่าวหา หากไม่มาจะได้ออกหมายจับต่อไป
คืบหน้าล่าสุดวันนี้ (27 กันยายน) ทางเพจ Drama-addict เปิดเผยว่าทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีคำสั่งลงโทษพนักงานรถไฟรายดังกล่าวแล้ว โดยในหนังสือชี้แจงจากการรถไฟ กรณีพนักงานห้ามล้อ กระทำอนาจารผู้โดยสาร บนขบวนรถธรรมดาที่ 255 (ธนบุรี-หลังสวน) ระบุดังนี้
"ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่าง ๆ กรณีพนักงานห้ามล้อ บนขบวนรถธรรมดาที่ 255 (ธนบุรี-หลังสวน) กระทำอนาจารผู้โดยสารซึ่งเป็นนักศึกษาอายุ 15 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานที่ตำรจภูธรอำเภอสวี จ.ชุมพร ว่าเมื่อวันพุธที่ 23 กันยายน 2558 ได้ขึ้นรถไฟขบวนดังกล่าวเพื่อเดินทางกลับบ้านจากสถานีชุมพรไปลงที่สถานีเขาสวนทุเรียน ซึ่งบนขบวนรถมีผู้โดยสารไม่มากนัก พนักงานตรวจตั๋ว หรือพนักงานห้ามล้อ ได้พยายามลวนลาม กระทำอนาจาร และข่มขู่ตลอดเวลาที่อยู่บนขบวนรถไฟ จนกระทั่งได้โทรศัพท์เรียกผู้ปกครองมารับที่สถานี และได้เข้าแจ้งความในวันนี้ นั้น
การรถไฟแห่งประเทศไทยขอเรียนว่า จากเหตุการณ์ข้างต้นได้สั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าวไว้ทันทีแล้ว และจะดำเนินการสอบสวนทางวินัย พร้อมลงโทษขั้นเด็ดขาด ตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติของทางราชการโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรง ที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่จะต้องปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบ ดูแลผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้"
ภาพจาก เพจ Drama-addict
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
สืบเนื่องจากกรณีที่ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักศึกษา ปวช. วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ชุมพร ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี จ.ชุมพร หลังถูกพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยกระทำอนาจาร กักขังหน่วงเหนี่ยว บนตู้โดยสารขบวนรถไฟธนบุรี-หลังสวน เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 เวลา 18.00 น. ขณะโดยสารกลับบ้านหลังเลิกเรียนนั้น
เมื่อวานนี้ (26 กันยายน) น.ส.เอ พร้อมด้วยผู้ปกครองได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว โดย น.ส.เอ ระบุว่าในเวลานั้น ตนได้ขึ้นรถไฟจากสถานีชุมพร เพื่อไปลงยังสถานีเขาสวนทุเรียน อ.สวี พบว่าบนรถไฟมีคนนั่งอยู่เพียง 2 คน จึงเดินไปนั่งด้วย แต่พนักงานตรวจตั๋วคือ นายสุเมธ ทองไตรภพ อายุ 53 ปี ได้เดินมาตรวจตั๋ว และบอกว่านั่งตรงนี้ไม่ได้ ให้ไปนั่งด้านหน้าของโบกี้ ซึ่งไม่มีผู้โดยสารคนอื่นนั่งอยู่และห่างจากผู้โดยสารคนอื่นพอสมควร
จากนั้นนายสุเมธได้ทำทีเข้ามานั่งพูดคุย และพยายามเบียดให้เธอนั่งชิดขอบหน้าต่าง ทั้งยังพยายามใช้มือโอบกอด แต่เมื่อเธอบ่ายเบี่ยงและลุกหนีก็ถูกอีกฝ่ายใช้เท้าขวางไม่ให้ไป เธอกลัวว่าจะถูกทำร้ายหรือฆ่าและโยนออกนอกรถไฟเหมือนที่เคยมีข่าว เลยทำได้แค่นั่งนิ่ง แต่แล้วนายสุเมธก็บังคับให้เธอเดินทางไปนั่งที่โบกี้อื่นที่ไร้ผู้โดยสาร น.ส.เอ ไม่ยอมไปและพยายามหยิบโทรศัพท์มือถือจะโทรหาพ่อ แต่กลับถูกยึดไป ก่อนจะทำอนาจารด้วยการกอดจูบลูบคลำอวัยวะสงวนตามร่างกาย และกีดกั้นไม่ให้ลงรถไฟสถานีก่อนถึงปลายทาง เธอเห็นท่าไม่ดีจึงแย่งมือถือคืนมาขณะอีกฝ่ายพยายามจูบปาก แล้วได้กดข้อความไลน์หาพ่อให้มารับยังสถานีเขาสวนทุเรียน และพยายามถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นเมื่อมาถึงสถานีรถไฟเขาสวนทุเรียน นายสุเมธได้กระโดดหนีลงไปหลบในป่าข้างทาง แต่พ่อและญาติของ น.ส.เอ ได้ช่วยกันค้นหาจนเจอ และเกิดการชกต่อยกันขึ้น จนนายสถานีรถไฟเขาสวนทุเรียนมาห้าม นายสุเมธจึงอาศัยจังหวะรถไฟออกกระโดดขึ้นรถต่อไปยังปลายทางที่ อ.หลังสวน จ.ชุมพร เธอจึงได้นำเรื่องเข้าแจ้งความ ซึ่งนายสุเมธก็พยายามขอไกล่เกลี่ย แต่ทางพ่อและญาติของ น.ส.เอ ไม่ยอม ขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาทำอนาจารบนรถโดยสารสาธารณะ กักขังหน่วงเหนี่ยว พร้อมกับออกหมายเรียกให้นายสุเมธมารับทราบข้อกล่าวหา หากไม่มาจะได้ออกหมายจับต่อไป
คืบหน้าล่าสุดวันนี้ (27 กันยายน) ทางเพจ Drama-addict เปิดเผยว่าทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีคำสั่งลงโทษพนักงานรถไฟรายดังกล่าวแล้ว โดยในหนังสือชี้แจงจากการรถไฟ กรณีพนักงานห้ามล้อ กระทำอนาจารผู้โดยสาร บนขบวนรถธรรมดาที่ 255 (ธนบุรี-หลังสวน) ระบุดังนี้
"ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่าง ๆ กรณีพนักงานห้ามล้อ บนขบวนรถธรรมดาที่ 255 (ธนบุรี-หลังสวน) กระทำอนาจารผู้โดยสารซึ่งเป็นนักศึกษาอายุ 15 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานที่ตำรจภูธรอำเภอสวี จ.ชุมพร ว่าเมื่อวันพุธที่ 23 กันยายน 2558 ได้ขึ้นรถไฟขบวนดังกล่าวเพื่อเดินทางกลับบ้านจากสถานีชุมพรไปลงที่สถานีเขาสวนทุเรียน ซึ่งบนขบวนรถมีผู้โดยสารไม่มากนัก พนักงานตรวจตั๋ว หรือพนักงานห้ามล้อ ได้พยายามลวนลาม กระทำอนาจาร และข่มขู่ตลอดเวลาที่อยู่บนขบวนรถไฟ จนกระทั่งได้โทรศัพท์เรียกผู้ปกครองมารับที่สถานี และได้เข้าแจ้งความในวันนี้ นั้น
การรถไฟแห่งประเทศไทยขอเรียนว่า จากเหตุการณ์ข้างต้นได้สั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าวไว้ทันทีแล้ว และจะดำเนินการสอบสวนทางวินัย พร้อมลงโทษขั้นเด็ดขาด ตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติของทางราชการโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรง ที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่จะต้องปฏิบัติงานด้วยความรับผิดชอบ ดูแลผู้โดยสารให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้"
ภาพจาก เพจ Drama-addict
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
