x close

นายกฯ ประกาศเจตจำนงการเมืองไทย "ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนใน 15 ปี"





          นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมยูเอ็น ย้ำเจตจำนงการเมืองไทย ประสานขับเคลื่อนวาระการพัฒนาโลกที่ยั่งยืนใน 15 ปีข้างหน้า เร่งขจัดปัญหาเหลื่อมล้ำในประเทศ ผุดไอเดียเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเชื่อมโยงอาเซียน

          วันที่ 28 กันยายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2558 เวลาประมาณ 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม UN Summit to adopt the Post-2015 Development Agendas เพื่อย้ำเจตจำนงทางการเมืองของไทยในการร่วมขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกสำหรับ 15 ปีข้างหน้า

          โดย พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย และคนไทย ในการร่วมกับประชาคมโลก ให้บรรลุผลตามเป้าหมายของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ให้ความสำคัญกับคน โดยถือว่าคนเป็นหัวใจของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป เพราะมนุษย์คือสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงของมนุษยชาติ จึงต้องมีการตัดสินใจกันว่า เราจะยังคงบริโภคกันอย่างไม่ยับยั้งและมุ่งหวังแต่ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบใด ๆ หรือจะเลือกอยู่อย่างยั่งยืนมุ่งเน้นชีวิตที่มีคุณภาพ พอเพียงและสมดุล

          สำหรับสิ่งที่ตนกล่าวไป คือ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนให้คนไทยมีเหตุผล รู้จักความพอดี สร้างความต้านทาน ทำให้ไทยผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 2540 เหตุการณ์สึนามิ รวมถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษได้เกือบทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีการจัดทำวิสัยทัศน์ประเทศไทย 2558-2563 และแผนพัฒนาประเทศฉบับต่อไป

          ขณะนี้โลกยังประสบความท้าทายเร่งด่วนคือ ความเหลื่อมล้ำ ที่เกิดจากความยากจน การโยกย้ายถิ่นฐาน การแย่งชิงทรัพยากร และยังเป็นปัจจัยบ่มเพาะความรุนแรงในสังคม ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหา ต้องเริ่มจากการวางกรอบกติกาของสังคมให้มั่นคงและเป็นธรรม ให้ทุกคนมีความเสมอภาคและมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากร และการบริการภาครัฐอย่างเท่าเทียม จำเป็นต้องมีกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการดำเนินงานของภาครัฐ ด้วยหลักธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบ ความโปร่งใส ขจัดการทุจริตและระบบอุปถัมภ์ ซึ่งไทยได้มีการออกกฎหมายหลายฉบับ เพื่อสร้างความทัดเทียม เช่น กฎหมายคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง, กฎหมายความเท่าเทียมระหว่างเพศ



          อย่างไรก็ตามการขจัดความเหลื่อมล้ำ ต้องเริ่มจากการยอมรับในคุณค่าของทุกคน รัฐบาลกำลังสร้างความเข้มแข็ง รวมทั้งได้มีการจัดวางมาตรการสร้างความมั่นคงทางสังคม ให้กลุ่มเปราะบางต่าง ๆ อาทิ การประกันสุขภาพถ้วนหน้า การเพิ่มเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุและเบี้ยผู้พิการ รวมทั้งการให้เงินอุดหนุนครอบครัวยากจน เพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด รัฐบาลกำลังสร้างความเข้มแข็งให้แก่บุคคลและครอบครัว และสร้างความมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชน รัฐบาลยังให้การคุ้มครองทางสังคมไม่เฉพาะคนไทย รวมทั้งแรงงานต่างด้าว โดยไทยจัดให้มีการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อเข้าสู่ระบบการจ้างงานมากกว่า 1.6 ล้านคน มาตรการนี้ช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน และแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

          ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญในการพัฒนาข้อมูลสถิติที่ครอบคลุมเพื่อกำหนดนโยบายให้ตอบสนองและจำแนกตามกลุ่มคน และความต้องการของกลุ่มคนต่าง ๆ อย่างแท้จริง เราต้องให้ความสำคัญกับความเคารพความเป็นมนุษย์ มีเมตตา และยอมรับความเท่าเทียมกัน โดยปลูกฝังทัศนคติเหล่านี้ ตั้งแต่เด็ก การขจัดความเหลื่อมล้ำ ต้องมาจากการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลเน้นการทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ทำให้เศรษฐกิจและสังคมมาจากฐานรากที่เข้มแข็ง ด้วยการขยายการลงทุนสู่ท้องถิ่น ผ่านกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การส่งเสริมการพัฒนาวิสาหกิจชุมชน การสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนในชนบท


          นอกจากนี้ รัฐบาลยังเน้นการดูแลเกษตรกรอย่างเต็มที่ ส่งเสริมเกษตรกรรมที่ยั่งยืน พัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยการแลกเปลี่ยนภูมิปัญญาท้องถิ่นพร้อม ๆ กับการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นผลให้ในปัจจุบัน คนไทยทั่วประเทศมีงานทำแทบทุกคน และรัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์บริการจัดหางาน Smart Job Centre ให้ผู้มีรายได้น้อยมีช่องทางในการหางานทำด้วย

          อย่างไรก็ดีการขจัดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นเฉพาะเรื่องภายในของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เราต้องช่วยกันขจัดความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศด้วยการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ด้วยการเชื่อมโยงภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวจังหวัดชายแดน 6 แห่ง ภายใต้แนวคิดไทยบวกหนึ่ง ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจะพัฒนาประเทศและภูมิภาค ควบคู่ไปกับการขยายความร่วมมือไตรภาคี และความร่วมมือนอกภูมิภาค

          พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อประชาชนเข้มแข็ง ประเทศและโลกก็จะเข้มแข็งไปด้วย ในอีก 15 ปีข้างหน้า ความเหลื่อมล้ำ และความยากจนจะลดน้อยลง ประเทศไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศและสหประชาชาติ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนเข้มแข็ง อยู่รวมกันอย่างผาสุก มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน





ภาพจาก ทำเนียบรัฐบาล, เฟซบุ๊ก ทีมลุงตู่

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ทำเนียบรัฐบาล





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นายกฯ ประกาศเจตจำนงการเมืองไทย "ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนใน 15 ปี" อัปเดตล่าสุด 28 กันยายน 2558 เวลา 12:09:24 6,614 อ่าน
TOP