ข่าวกระสุนปริศนาเจาะร่างนักเรียน ม.4 ขณะนั่งอยู่ในรถกับแม่ ได้รับบาดเจ็บ ที่แท้ฝีมือตำรวจจับยาบ้า ได้รับลูกหลงระหว่างยิงตอบโต้กับกลุ่มผู้ค้ายา ขณะนี้ยังไม่ตั้งข้อกล่าวหา รอพิสูจน์ปลอกกระสุนว่าตรงกับปืนตำรวจหรือไม่
จากกรณี น้องวาว นักเรียนชั้น ม.4 อายุ 16 ปี โรงเรียนบดินทรเดชา สิงห์ สิงหเสนี 2 ถูกกระสุนปริศนาเจาะร่างขณะนั่งอยู่ในรถเก๋งเบาะข้างคนขับกับคุณแม่ เหตุเกิดบริเวณถนนสวนสยาม แขวงบางชัน เขตบางชัน กรุงเทพฯ โดยหลังเกิดเหตุนักเรียนสาวรายดังกล่าวได้เปิดประตูรถเพื่อวิ่งไปยังโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีซึ่งอยู่ใกล้ ๆ เมื่อคุณแม่ขับรถตามไปหาที่โรงพยาบาลกลับไม่พบลูกสาว กระทั่งมาพบว่าฟุบอยู่ข้างทางหน้าโรงพยาบาล เนื่องจากเสียเลือดมาก ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลในที่สุด ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น [กระสุนปริศนาพุ่งทะลุกระจกรถ โดนนักเรียนหญิง วัย 16 ฟุบ !]
คืบหน้าวันนี้ (9 ตุลาคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานความคืบหน้าว่า น่าจะเป็นที่ชัดเจนถึงที่มาของกระสุนปริศนาดังกล่าวแล้ว ว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับยาเสพติด ฝ่ายสืบสวนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ซึ่งเข้าไปล่อซื้อยาบ้าในท้องที่ สน.บางชัน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการยิงอันเนื่องมาจากการล่อซื้อ หรือมีปัญหากับวัยรุ่นแถวนั้นซึ่งขับย้อนศรผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและได้ติดต่อไปที่ต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้แล้ว
อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า จะมีการแถลงข่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้ (9 ตุลาคม) เวลา 10.00 น. โดยจะเป็นแถลงข่าวเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดและรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี เผยว่า อาการของน้องวาวปลอดภัยดี มีขวัญกำลังใจดี รอยแผลอยู่เหนือไหปลาร้าด้านขวา และมีรอยกระสุนฝังอยู่ใต้สะบักขวา กระสุนเจาะผ่านเนื้อเยื่อปอด ไปตุงอยู่ที่ผิวหนังด้านหลัง ไม่เป็นอันตราย แต่มีเลือดออกในปอด ตอนนี้วิธีการรักษาคือ ใส่ท่อระบายเลือดและระบายลมออกจากปอด ถ้าแข็งแรงเมื่อไหร่ก็จะมีการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกต่อไป
ล่าสุด พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำตัว สิบตำรวจตรี ปัณณธร ไชยธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าแสดงความบริสุทธิ์ตอบข้อซักถามในการแถลงข่าว หลังจากเกิดเหตุกระสุนปืนปริศนา ยิงทะลุกระจกมาถูกไหล่ขวาของนางสาวอานัตตา สงรัตน์ หรือน้องวาว ในช่วงเย็นของวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
โดยพลตำรวจเอก พงศพัศ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐาน พบว่าเมื่อช่วงเย็นวันเกิดเหตุ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล 3 ชุดปราบปรามยาเสพติด ได้ทำการล่อซื้อยาเสพติดในบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ทางชุดปราบปรามดังกล่าวจึงได้เดินทางเข้ามาพบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และมอบปืนให้กับรอง ผบ.ตร. และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ด้านสิบตำรวจตรี ปัณณธร กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุทางชุดปราบปรามยาเสพติดกำลังปฏิบัติหน้าที่และได้มีการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ค้ายาเพื่อป้องกันตัว หลังกลุ่มผู้ค้ายาพยายามยิงปืนเข้าใส่เพื่อเปิดทางหลบหนี ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรหลบหนีไป ซึ่งหลังจากการปฏิบัติหน้าที่เสร็จสิ้นวันนั้น ก็กลับมาทำงานตามปกติ กระทั่งเห็นข่าวว่ามีกระสุนปริศนา ถูกเด็กนักเรียนหญิงดังกล่าว ตนจึงเดินทางเข้าพบผู้บังคับการพร้อมมอบปืนเพื่อความบริสุทธิ์ใจ โดยยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับครอบครัวของน้องและขอให้สังคมเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอก พงศพัศ ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น โดยให้นำตัวเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดทั้ง 5 คน หยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจนครบาล และให้มีการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พร้อมกับช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องวาวอย่างเต็มที่
ส่วนพลตำรวจตรี ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ กับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว เนื่องจากต้องรอให้ทางแพทย์ทำการผ่าหัวกระสุนออกมาเพื่อส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่าลูกกระสุนมาจากปืนกระบอกเดียวกับที่เจ้าหน้าที่นำมาส่งมอบให้ในวันนี้หรือไม่
ด้านพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตนได้มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร. ดูแลคดีดังกล่าว และจากการตรวจสอบพบว่ากระสุนปริศนามาจากการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ตำรวจในการล่อซื้อยาเสพติดในบริเวณใกล้เคียง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปพบกับทางผู้บาดเจ็บเพื่อเยียวยาอย่างเต็มที่ พร้อมสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว หากพบว่าเป็นการกระทำโดยไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่จริงก็จะดำเนินการทางวินัยทันที แต่ก็ยืนยันว่าจะพิจารณาตามเจตนาและเหตุผลที่กระทำการดังกล่าว จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน
***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 15.18 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2558
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
,