ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับ ทักษิณ ชินวัตร คดีหมิ่นประมาทกองทัพบกผ่านสื่อออนไลน์ หลังให้สัมภาษณ์สื่อนอกวิจารณ์ประเด็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติยึดอำนาจ
วันที่ 12 ตุลาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญา รัชดาภิเษก ได้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีที่กองทัพบก มอบอำนาจให้ พล.ต. ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2558 นายทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์จากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ทั้งยังมีการแพร่ผ่าน Youtube และสื่อออนไลน์ต่าง ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ เนื้อหาที่นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์นั้นมีทำนองว่า กองทัพบกเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ และทำความเสียหายแก่บ้านเมือง ซึ่งการกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยังส่งผลกระทบถึงกองทัพบกและองคมนตรีอีกด้วย โดยเมื่อศาลอาญาได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ก็มีคำสั่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป
เมื่อถึงเวลานัดตรวจพยาน ปรากฏว่า มีเพียง พล.ต. ศรายุทธ กลิ่นมาหอม ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก ผู้แทนโจทก์ และนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของนายทักษิณ มาศาลเท่านั้น โดย พล.ต. ศรายุทธ ผู้แทนโจทก์ ได้แถลงต่อศาลว่า จำเลยรับทราบหมายเรียกโดยชอบแล้วไม่เดินทางมาศาล ซึ่งขณะนี้ตัวจำเลยอยู่ต่างประเทศ จึงขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับหรือตามเห็นสมควร
ขณะที่ นายโชคชัย ทนายฝ่ายจำเลย ได้เบิกความต่อศาลว่า นายทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลย ขณะนี้เป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง และมีถิ่นพำนักอยู่ในต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถเดินทางมาเบิกความตามนัดเพื่อตรวจพยานต่อศาลได้ จึงขอให้ศาลพิจารณาคำร้องตามเห็นสมควร
ต่อมาศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตัวจำเลยเองได้รับทราบนัดโดยชอบแล้วแต่ไม่เดินทางมาศาล และขณะนี้ตัวจำเลยไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักร จึงมีพฤติการณ์หลบหนี ดังนั้นให้ออกหมายจับจำเลย เพื่อให้ได้ตัวมาพิจารณาภายในอายุความ ซึ่งกรณีไม่แน่ว่าจะจับตัวจำเลยได้เมื่อใด ศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวไว้ก่อน และหากมีการจับตัวจำเลยได้แล้ว ก็ให้พิจารณาคดีต่อไป
พล.ต. ศรายุทธ กล่าวภายหลังศาลอนุมัติออกหมายจับนายทักษิณ ว่า สำหรับเรื่องการติดตามตัวนายทักษิณนั้นก็ต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งหลังจากนี้ตนจะนำคำสั่งศาลที่ออกหมายจับส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินการติดตามตัวต่อไป
ภาพจาก สปริงนิวส์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
