กู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์หมอหยอง พบหลักฐานเด็ดแอบอ้างเบื้องสูง มีคลิปเสียงที่คาดว่าเก็บไว้ใช้แบล็กเมล์ด้วย เล็งออกหมายจับเพิ่มอีก 20 ราย
จากกรณีการจับกุม นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง, พ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ เลขานุการหมอหยอง ผู้ต้องหาในคดีแอบอ้างเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 แต่ต่อมา พ.ต.ต. ปรากรม ได้ผูกคอตายเสียชีวิตในห้องขัง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 27 ตุลาคม 2558 มีรายงานจากชุดคลี่คลายคดี ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นเบื้องสูงกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่พบในที่พักของนายสุริยัน และ พ.ต.ต. ปรากรม เพื่อตรวจสอบว่าทรัพย์สินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร รวมถึงได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนการตรวจค้นห้องพักของนายสุริยัน หรือหมอหยอง ที่ห้องเลขที่ 127/35 พหลโยธินปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 พบว่า ห้องพักดังกล่าวถูกแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง โดยภายในห้องไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง พระพุทธรูปสำหรับทำพิธีกรรมทรงเจ้า เนื่องจากที่ผ่านมานายสุริยันใช้ห้องดังกล่าวเปิดเป็นสำนักเข้าทรง โดยอ้างตัวเป็นร่างทรงเพื่อหลอกลวงประชาชนให้เคารพนับถือ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของนายสุริยัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีความพยายามลบข้อมูล จึงส่งให้ผู้เชี่ยวชาญทำการกู้ข้อมูลคืนมา ทำให้พบรายละเอียดการติดต่อกับบริษัทห้างร้านเอกชนต่าง ๆ ที่มีการนำกิจกรรมไปแอบอ้าง ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า นายสุริยันได้แอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์จากเจ้าของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้ในกิจกรรมหนึ่ง มีเจตนาเพื่อแสวงหาผลกำไรให้กับตัวเองและเครือข่าย ทั้งนี้ เจ้าของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ได้เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว ก่อนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริงในเชิงลับกระทั่งปรากฏว่ามีมูลความจริง จึงกลายเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้นายสุริยันและเครือข่ายถูกดำเนินคดีในที่สุด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังพบว่าภายในคอมพิวเตอร์ที่กู้ข้อมูลมานั้น มีคลิปเสียงที่นายสุริยันเก็บไว้ โดยเป็นเสียงของ พ.ต.ต. ปรากรม เจรจาติดต่อกับบุคคลต่าง ๆ ในลักษณะเป็นการติดต่อแอบอ้างเพื่อไปเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการกับผู้ประกอบการภาคเอกชนต่าง ๆ เป็นจำนวนหลายรายการ มูลค่าหลายล้านบาท เบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่าคลิปเสียงดังกล่าวอาจถูกเก็บไว้เพื่อแบล็กเมล์
อย่างไรก็ดี รายงานจากชุดคลี่คลายคดี ยังเปิดเผยอีกว่า ภายหลังการคลี่คลายคดีลุล่วงไปด้วยดี ทำให้จนถึงตอนนี้พอทราบผู้ร่วมขบวนการในวงกว้างแล้ว โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออำนาจศาลทหารออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เพิ่มอีกร่วม 20 ราย โดยพบว่า ในจำนวนนี้มีข้าราชการระดับ "นายพล" รวมอยู่ด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
