x close

พ.อ. คชาชาต บุญดี ประวัติ เสธ.โจ้ หนึ่งในผู้ต้องหาคดี ม.112



พ.อ. คชาชาต บุญดี ประวัติ เสธ.โจ้ หนึ่งในผู้ต้องหาคดี ม.112

           พ.อ. คชาชาต บุญดี เปิดประวัติ เสธ.โจ้ ผู้ต้องหาคดี ม.112 แอบอ้างเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ ซีพีออลล์-คิงเพาเวอร์

           เป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชน สำหรับความคืบหน้าของคดีแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แจ้งจับ พ.อ. คชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ ในความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังร่วมกับ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหาสำคัญในคดีดังกล่าว ใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์จาก บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด ทั้งยังส่อพิรุธในส่วนของการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกด้วย

           ดังนั้นในวันนี้ กระปุกดอทคอม จึงจะขอพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักกับ พ.อ. คชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ ฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 นายทหารผู้เติบโตในเส้นทางอาชีพ สู่ผู้ต้องหาในคดี ม.112

พ.อ. คชาชาต บุญดี ประวัติ

พ.อ. คชาชาต บุญดี ประวัติ เสธ.โจ้ หนึ่งในผู้ต้องหาคดี ม.112

           สำหรับ พ.อ. คชาชาต บุญดี นายทหารชาวกรุง แกนนำเตรียมทหาร 27 เคยรับราชการทหารในกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ (ป.พัน 31 รอ.) จ.ลพบุรี และเป็น ผบ.ร้อย RDF คนแรกของเหล่าปืนใหญ่ ก่อนจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังชายแดนภาคเหนือ สร้างผลงานสำคัญมากมายในฐานะผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 36 (ผบ.กรม ทพ.36) อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะการดูแลปราบปรามปัญหาลักลอบตัดไม้ คอยต่อกรกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองมาโดยตลอด จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "นักรบแห่งลุ่มน้ำสาละวิน"

           และหลังจากที่ คสช. ทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พ.อ. คชาชาต บุญดี ก็ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในขณะนั้น ปรับเลื่อนตำแหน่งให้เป็น ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.ป.1 รอ.) คุมกำลังทหารปืนใหญ่ ในกรุงเทพฯ และมีบทบาทสำคัญในการช่วย คสช. ดูแลความเคลื่อนไหวและควบคุมการชุมนุมด้านการเมือง

           พ.อ. คชาชาต บุญดี ถือเป็นทหารคนสนิทของ พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร ที่มักปรากฏตัวเข้าเป็นผู้ไกล่เกลี่ยและกำหนดกรอบการชุมนุมทุกครั้งที่กลุ่มเห็นต่างจากรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหว กระทั่งก่อน พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร เกษียณอายุราชการจึงมีคำสั่งให้ พ.อ. คชาชาต บุญดี ไปดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 แต่คำสั่งดังกล่าวถูกระงับไปแล้วโยกย้ายให้ พ.อ. คชาชาต บุญดี กลับไปดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 แทน

           อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นนายทหารใหญ่ที่เติบโตในด้านการงาน แต่ที่ผ่านมาก็ใช่ว่า พ.อ. คชาชาต บุญดี จะไม่เคยมีกระแสถูกพูดถึงในด้านลบ ดังเช่นกรณีข่าวลือหนาหูว่าเมื่อครั้งที่ พ.อ. คชาชาต ดำรงตำแหน่ง ผบ.ป.พัน 31 รอ. เคยนำเครื่องมือของทางราชการไปขุดหน้าดินขาย จนถึงขั้นมีเรื่องร้องเรียน แต่สุดท้ายก็พ้นความผิดไป จากนั้นในช่วงที่ พ.อ. คชาชาต ดำรงตำแหน่ง ผบ.ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาการทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 ก็ข่าวลือถึงความผิดปกติเกี่ยวกับการสั่งตัดชุดนักศึกษาวิชาทหาร ที่เล่ากันในกองทัพภาคที่ 3

พ.อ. คชาชาต บุญดี ผู้ต้องหาคดี ม.112

พ.อ. คชาชาต บุญดี ประวัติ เสธ.โจ้ หนึ่งในผู้ต้องหาคดี ม.112
 

           กระทั่งมาจนถึงขณะนี้ ที่มีการจับกุมผู้ต้องหาคดีความผิดทางอาญา มาตรา 112 พบว่าหนึ่งในผู้ต้องหาคนสำคัญของคดีดังกล่าวคือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ได้ให้การพาดพิงถึงนายทหาร 2 นาย ยศ "พล.ต." และ "พ.อ." ว่ามีส่วนพัวพันเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสืบสวน แต่ปรากฏว่านายทหารยศ "พ.อ." ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ประจวบเหมาะกับช่วงเวลาดังกล่าว มีรายงานว่า พ.อ. คชาชาต บุญดี ไม่ได้มาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยไม่มีหนังสือขอลาราชการ

           จนในที่สุดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 พล.ต. วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ได้แจ้งจับ หมอหยอง และพวก ซึ่งร่วมถึง พ.อ. คชาชาต บุญดี ในความผิด มาตรา 112  ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง

           โดยคดีแรกมีพฤติการณ์แอบอ้างเบื้องสูง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัท ซีพีออลล์ เหตุเกิดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2558 ส่วนอีกคดีมีพฤติการณ์แอบอ้างเบื้องสูง หาประโยชน์จากการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น ที่บริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2558

           โดยรายงานข่าวระบุว่า ในช่วงที่มีการจัดเตรียมกิจกรรมสำคัญ ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้มีการนำเสื้อกิจกรรมหลายหมื่นตัวไปส่งที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง โดย พลตรี และ พันเอก ได้เกณฑ์กำลังทหารเข้าจัดการบรรจุหีบห่อ ขณะเดียวกันแนวทางสืบสวนยังพบอีกว่าเสื้อที่ใช้ในกิจกรรมสำคัญนั้น มีต้นทุนการผลิตเพียงตัวละ 140 บาท แต่กลับแจ้งในราคาตัวละ 280 บาทให้กับภาคเอกชนได้รับทราบ

           นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมส่อเจตนาทุจริตในการจัดกิจกรรมพิเศษ เปิดตัว อุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทางชุดคลี่คลายคดีกำลังรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องจำหน่ายโต๊ะจีนที่เปิดขายราคาที่นั่งละ 500,000 บาท หากเป็นโต๊ะวีไอพีราคาที่นั่งละ 1 ล้านบาท

พ.อ. คชาชาต บุญดี ถูกตั้งคณะสอบกรณีขาดราชการ

           ขณะที่ต่อมาในวันที่ 9 พฤศจิกายน พล.ท. สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย พ.อ. คชาชาต บุญดี ฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 หลังขาดราชการเกิน 7 วัน เนื่องจาก พ.อ. คชาชาต ไม่ได้มาทำงานตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และไม่ได้มีหนังสือขอลาราชการ ซึ่งถือว่าการเป็นขาดงาน และหากขาดราชการนานติดต่อกันเป็นเวลา 15 วัน จนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ อาจมีผลให้ต้องออกจากราชการ โดยการตั้งคณะกรรมการสอบครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการที่มีการออกหมายจับกรณีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความผิด มาตรา 112

ศาลทหารอนุมัติหมายจับ พ.อ. คชาชาต บุญดี 

           จากนั้นในช่วงเย็นวันที่ 9 พฤศจิกายน ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับ พ.อ. คชาชาต บุญดี ตามที่ พ.ต.อ. พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปราม พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน ได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ จากเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พล.ต. วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ เลขที่คดี 113/2558 และเลขที่คดี 114/ 2558

           อย่างไรก็ตามในขณะนี้ พล.ท. สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ยืนยันว่ายังไม่ได้รับรายงานว่าสามารถจับกุมตัว พ.อ. คชาชาต บุญดี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี ม.112 ที่บริเวณชายแดนแต่อย่างไร


 เกาะติดข่าว หมอหยองโดนจับ ทั้งหมดคลิกเลย
 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ

ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

     เฟซบุ๊ก Wassana J. Nanuam



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พ.อ. คชาชาต บุญดี ประวัติ เสธ.โจ้ หนึ่งในผู้ต้องหาคดี ม.112 อัปเดตล่าสุด 10 พฤศจิกายน 2558 เวลา 16:45:03 160,280 อ่าน
TOP