ลูกสาวเขียนจดหมายหาแม่ บอกถูกจับขังอยู่ในห้องมืดบนเรือ คาดถูกพาไปขายตัว ที่ไหนได้พบหนีไปกับผู้ชาย หลังหลักฐานกล้องวงจรปิดชี้ชัด เจ้าตัวส่งพัสดุเอง
จากกระแสข่าวที่ปรากฏภาพจดหมายของหญิงสาวรายหนึ่ง ชื่อ น.ส.นิภาภรณ์ ยางศรี ที่ถูกส่งมาในห่อพัสดุโดยมีใจความเขียนถึงแม่ ระบุว่าตนถูกจับขังอยู่ในห้องมืดบนเรือ คาดว่าจะถูกจับไปขายตัว โดยก่อนหน้านี้ น.ส.นิภาภรณ์ ได้มีนายหน้าชวนไปทำงานที่เกาหลีใต้ แบบลักลอบเข้าเมือง ทำให้พ่อแม่รู้สึกร้อนใจเข้าแจ้งความ พร้อมวอนสื่อช่วยตามหาลูกด้วย [อ่านข่าว : หัวอกแม่แทบใจสลาย ลูกสาวถูกจับขังห้องมืดบนเรือ แอบส่งจดหมายให้ช่วย คลิก]
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ได้ควบคุมตัว นางสุกัญญา มาสอบปากคำ ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า นางสุกัญญาเป็นนายหน้าเถื่อนที่หลอกให้ น.ส.นิภาภรณ์ ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ด้านนางหนูจร ยางศรี แม่ของ น.ส.นิภาภรณ์ ไม่ขอให้สัมภาษณ์เพิ่ม เพราะเกรงว่าลูกสาวอาจเป็นอันตราย
จากกระแสข่าวที่ปรากฏภาพจดหมายของหญิงสาวรายหนึ่ง ชื่อ น.ส.นิภาภรณ์ ยางศรี ที่ถูกส่งมาในห่อพัสดุโดยมีใจความเขียนถึงแม่ ระบุว่าตนถูกจับขังอยู่ในห้องมืดบนเรือ คาดว่าจะถูกจับไปขายตัว โดยก่อนหน้านี้ น.ส.นิภาภรณ์ ได้มีนายหน้าชวนไปทำงานที่เกาหลีใต้ แบบลักลอบเข้าเมือง ทำให้พ่อแม่รู้สึกร้อนใจเข้าแจ้งความ พร้อมวอนสื่อช่วยตามหาลูกด้วย [อ่านข่าว : หัวอกแม่แทบใจสลาย ลูกสาวถูกจับขังห้องมืดบนเรือ แอบส่งจดหมายให้ช่วย คลิก]
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สร้างคอม จ.อุดรธานี ได้ควบคุมตัว นางสุกัญญา มาสอบปากคำ ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า นางสุกัญญาเป็นนายหน้าเถื่อนที่หลอกให้ น.ส.นิภาภรณ์ ไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ด้านนางหนูจร ยางศรี แม่ของ น.ส.นิภาภรณ์ ไม่ขอให้สัมภาษณ์เพิ่ม เพราะเกรงว่าลูกสาวอาจเป็นอันตราย
เวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการสืบสวนข้อมูลทราบว่า น.ส.นิภาภรณ์ ยังคงมีชีวิตอยู่และไม่ได้ถูกลักพาตัว ตอนนี้อาศัยอยู่กับชายคนหนึ่งที่ จ.ระยอง นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ไปรษณีย์มาบตาพุด จ.ระยอง สถานที่ส่งพัสดุไปรษณีย์ก็ปรากฏภาพ น.ส.นิภาภรณ์ เป็นผู้ส่งพัสดุด้วยตนเองมากับชายหนุ่มคนหนึ่ง นอกจากนี้ล่าสุดยังมีภาพขณะกำลังนั่งทำผมในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งด้วย
ด้านนางสุกัญญา ที่ถูกระบุว่าเป็นนายหน้าเถื่อนให้การว่า ตนเป็นญาติกับ น.ส.นิภาภรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.นิภาภรณ์ มาบอกว่าอยากไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ จึงขอให้ตนเป็นธุระในการซื้อตั๋วเครื่องบิน และดำเนินการต่าง ๆ ให้ โดยตนได้คิดค่าบริการคนละ 35,000 บาท และตนได้กำไรจากค่าดำเนินการคนละ 5,000 บาท จากนั้นได้ติดต่อซื้อตั๋วจองห้องพักผ่านทางอินเทอร์เน็ต และนั่งรถทัวร์จาก อ.เพ็ญ ไปกรุงเทพฯ ด้วยกัน
ด้านนางสุกัญญา ที่ถูกระบุว่าเป็นนายหน้าเถื่อนให้การว่า ตนเป็นญาติกับ น.ส.นิภาภรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ น.ส.นิภาภรณ์ มาบอกว่าอยากไปเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ จึงขอให้ตนเป็นธุระในการซื้อตั๋วเครื่องบิน และดำเนินการต่าง ๆ ให้ โดยตนได้คิดค่าบริการคนละ 35,000 บาท และตนได้กำไรจากค่าดำเนินการคนละ 5,000 บาท จากนั้นได้ติดต่อซื้อตั๋วจองห้องพักผ่านทางอินเทอร์เน็ต และนั่งรถทัวร์จาก อ.เพ็ญ ไปกรุงเทพฯ ด้วยกัน
นางสุกัญญา กล่าวต่อว่า เมื่อเดินทางถึงกรุงเทพฯ ก็ได้เปิดห้องพักเพื่อพักผ่อนเตรียมตัวเดินทาง แต่ น.ส.นิภาภรณ์ ไม่มาด้วย โดยมีผู้ชายมารับไปข้างนอก จนช่วงเย็น น.ส.นิภาภรณ์ จึงกลับเข้ามาพร้อมแฟน และเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิด้วยกัน เมื่อเช็กอินตั๋วโดยสารและเตรียมขึ้นเครื่องก็ได้สอบปากคำกับทางด่านตรวจของกรมการจัดหางาน ปรากฏว่าไม่ผ่านการสอบปากคำ น.ส.นิภาภรณ์ จึงบอกว่าจะกลับบ้าน จากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกัน กระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาหาที่บ้านและนำตัวมาสอบสวน ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้องในกรณีพาไปทำงานต่างประเทศ ตนทำเพียงติดต่อหาตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ให้เท่านั้น
ด้าน พล.ต.ต. พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ น.ส.นิภาภรณ์ อยู่ที่ จ.ระยอง กับเพื่อนชาย ไม่ได้ถูกหลองลวงแต่อย่างใด ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของ น.ส.นิภาภรณ์ ที่จะหนีพ่อแม่เอง ตำรวจจึงต้องเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัวให้ได้ และขอให้ น.ส.นิภาภรณ์ กลับบ้าน ให้คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่บ้าง
ด้าน พล.ต.ต. พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ น.ส.นิภาภรณ์ อยู่ที่ จ.ระยอง กับเพื่อนชาย ไม่ได้ถูกหลองลวงแต่อย่างใด ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมส่วนตัวของ น.ส.นิภาภรณ์ ที่จะหนีพ่อแม่เอง ตำรวจจึงต้องเร่งดำเนินการสืบสวนติดตามตัวให้ได้ และขอให้ น.ส.นิภาภรณ์ กลับบ้าน ให้คิดถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่บ้าง
ส่วนกรณีนางสุกัญญา ที่มีวิธีการเหมือนการเป็นนายหน้าเถื่อนแต่กลับกลายเป็นเพียงติดต่อซื้อตั๋วให้นั้น หากมีการสอบสวนแล้วว่าเป็นการดำเนินการเช่นนี้จริง ก็ไม่มีความผิด ที่ได้รับเงินส่วนต่างจากการค้าขายที่เป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจ แต่หากมีผู้มาแจ้งความว่ามีการติดต่อหลอกไปทำงานต่างประเทศจริงก็จะต้องถูกจับกุมดำเนินคดีต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุดรธานี
อ่านรายละเอียดเพิมเติมจาก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก อุดรธานี
อ่านรายละเอียดเพิมเติมจาก