ตม.สระแก้ว รวบหนุ่มอเมริกัน ต้องสงสัยพัวพันแก๊งอุ้มฆ่าหนุ่มออสซี่ ฝังอำพรางที่เขาชีจรรย์ เร่งติดตามตัวคนร้ายที่เหลือ ก่อนหนีออกนอกประเทศ
วันที่ 2 ธันวาคม 2558 พล.ต.ต. อำพล บัวรับพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณชายป่าริมถนนสายวิหารเซียน-เขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่าเป็นจุดที่แก๊งออสเตรเลีย ก่อเหตุอุ้มฆ่าเพื่อนร่วมชาติ คือ นายเวย์น ชไนเดอร์ อายุ 37 ปี นักธุรกิจชาวออสเตรเลีย และนำศพไปทำการฝังอำพราง
โดยที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหญ้าคาล้มเป็นรอยทางล้อรถ จากริมถนนเข้าไปประมาณ 100 เมตร พบเนินดินขุดใหม่ จึงทำการขุดลึกลงไปประมาณ 2 เมตร จนพบศพในสภาพเปลือยกาย คอหัก และมีบาดแผลแตกที่หางคิ้วซ้าย ไม่พบหลักฐาน หรือร่องรอยคนร้าย โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บรายละเอียดในพื้นที่ พร้อมส่งศพชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้ออกหมายจับ นายแอนโทนี่ บางนาโต้ สัญชาติออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งคนร้าย 5 คน สวมชุดไอ้โม่งที่อุ้มเหยื่อหายตัวไป ส่วนประเด็นในการก่อเหตุในครั้งนี้ยังไม่แน่ชัด นอกจากนั้น จากการตรวจสอบประวัติกลุ่มคนร้ายพบว่าอยู่ในกลุ่มแก๊งช็อปเปอร์ ซึ่งบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ทางตำรวจออสเตรเลีย มีรายชื่อในการเฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่ ซึ่งอาจจะมีส่วนพัวพันเรื่องยาเสพติดด้วย
ขณะที่คืบหน้าในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว เข้าควบคุมตัว นายโจเซฟ อายุ 21 ปี สัญชาติอเมริกัน ผู้ต้องสงสัยเครือข่ายแก๊งอุ้มฆ่า นายเวย์น ชไนเดอร์ นักธุรกิจชาวออสเตรเลีย ได้ระหว่างที่นายโจเซฟกำลังมุ่งหน้าเดินทางไปประเทศกัมพูชา ในสภาพข้อศอกขวามีบาดแผลพันด้วยผ้าก็อต และขาเจ็บ
จากการสืบสวน พบว่านายโจเซฟน่าจะมีส่วนพัวพันกับแก๊งอุ้มฆ่าแก๊งนี้ จึงได้นำชื่อลงบัญชีไว้เป็นผู้เฝ้าระวัง พร้อมประสานไปยังชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ให้เดินทางมารับตัวไปสอบสวนทันที ทั้งนี้คาดว่าคนร้ายเป็นแก๊งมาเฟียชาวต่างชาติประมาณ 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำกำลังเร่งค้นหาแหล่งกลบดานให้ได้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้หลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน
***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2558
***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 2 ธันวาคม 2558
ภาพจาก brighttv.co.th, เฟซบุ๊ก Thailand Police Story, สปริงนิวส์
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก