แฟ้มภาพ
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.ต. สราวุฒิ การพานิช รอง ผบช. ปฏิบัติราชการ ผบช.ส. ลงนามในหนังสือคำสั่ง เลขที่ 0028.122/137 ลับมาก เรื่องติดตามพฤติกรรมของชาวต่างชาติ ซึ่งคาดว่า อาจมีกลุ่มก่อการร้าย ไอเอส (ISIS) หลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ หน่วยงานด้านข่าวกรองของรัสเซีย หรือ เอฟเอสบี ได้ประสานผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่แจ้งเตือนว่า กลุ่มก่อการร้าย ไอเอส ซึ่งเป็นชาวซีเรียประมาณ 10 คน ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยระหว่างวันที่ 15-31 ตุลาคม 2558 และได้แยกกันไปกบดานในพัทยา 4 คน ภูเก็ต 2 คน กรุงเทพฯ 2 คน ส่วนอีก 2 คนนั้นยังไม่ทราบชื่อและยังไม่ทราบแหล่งกบดาน ดังนั้น จึงขอให้ทางการไทยจับตาพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องสงสัยด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มคนดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อก่อการร้าย และทำลายผลประโยชน์ของรัสเซีย รวมถึงพันธมิตรในไทย จึงขอให้มีการดำเนินการดังต่อไปนี้
1. สืบสวนติดตามและพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว
2. เพิ่มความเข้มข้นในการติดตาม โดยเฉพาะสถานที่เป้าหมายของประเทศพันธมิตรที่ร่วมถล่มกลุ่มไอเอสในซีเรีย อาทิ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม สวีเดน และออสเตรเลีย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายในประเทศไทย
3. ให้ บก.ส.1-2 เร่งพิสูจน์ข่าวสารของกลุ่มชาวซีเรีย 10 รายที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย
4. ปรับปรุงข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน ทั้งสถานที่สำคัญ แหล่งที่พักอาศัย แหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ โดยเน้นที่การดำเนินการกลุ่มประเทศที่เป็นพันธมิตรโจมตีไอเอส และกลุ่มเครือข่ายไอเอสเป็นอันดับแรก
5. บก.ส.3 เพิ่มการตรวจตราความปลอดภัยทั้งในสถานที่และบุคคล
6. ให้รายงานผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกสัปดาห์ โดยให้รายงานครั้งแรกวันพุธที่ 2 ธันวาคม 2558
อย่างไรก็ดี ทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ขอยืนยันเกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว พร้อมระบุว่า จะเร่งตรวจสอบเอกสารลับที่หลุดว่อนเน็ต ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่
ขณะที่ความคืบหน้าวันที่ 4 ธันวาคม พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงกรณีการเผยแพร่ภาพเอกสารฉบับดังกล่าว ระบุว่า ขอให้คนไทยอย่าตื่นตระหนกกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์เอกสารว่าเป็นของจริง หรือปลอม อีกทั้งที่ผ่านมาหน่วยงานด้านการข่าว ไม่พบข้อมูลความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในประเทศไทย
ด้าน พล.ต. บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้งโดยตรงกับประเทศใด ส่วนความน่าจะเป็นที่กลุ่ม ISIS จะเดินทางเข้าไทยนั้น ต้องรอการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลตามข้อมูลในเอกสารที่มีการเผยแพร่
ฝ่าย พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เผยว่า จากการประสานงานกับทางตำรวจรัสเซีย ได้ปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีข้อมูลว่ากลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้จะเข้ามาก่อเหตุร้ายในประเทศไทย
ทั้งนี้ พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ชี้ว่า เรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงข่าวสาร ไม่ใช่ข่าวกรอง จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ อีกทั้งที่ผ่านมากลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ก็ไม่เคยเข้ามาในไทย อย่างไรก็ตามฝ่ายความมั่นคงยังดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างดี ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และช่วยกันเป็นหูเป็นตา ส่วนการตรวจสอบบุคคลหลบหนีเข้าเมืองทั้งทางปกติ และตามเขตพื้นที่ชายแดน ด้านตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ดูแลอย่างเข้มงวด
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้สื่อข่าวกระปุก ดอท คอม รายงานว่า พล.ต.ต. ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของจริง ซึ่งเป็นเพียงการแจ้งเตือนทางกระบวนการธุรการเพื่อแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส ทางสันติบาลเองก็ได้มีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องของการข่าวเท่านั้น ขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าคนกลุ่มดังกล่าวเป็นใคร หรือเข้ามาในประเทศไทยจริงหรือไม่ พร้อมสั่งการให้เข้มงวดการตรวจสอบใน 3 จังหวัดใหญ่ที่ระบุไว้ในเอกสารแจ้งเตือน รวมถึงจะมีการเฝ้าระวังแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ และตรวจสอบพื้นที่ที่มีคนจากประเทศต้องสงสัยเป็นกลุ่ม ISIS พักอาศัยอยู่ ขณะที่ทาง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้กำชับให้ตำรวจเน้นการตรวจสอบข่าวและวางมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้นมากขึ้นเช่นกัน
โดยในส่วนของการข่าวมีการประสานข้อมูลกันทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีเพียงหน่วยข่าวรัสเซียเท่านั้นที่แจ้งเตือนเรื่องนี้เข้ามา ซึ่งล่าสุดยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบแต่อย่างใด
รองโฆษกตำรวจ กล่าวอีกว่า สำหรับส่วนของทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีระบบการตรวจสอบคนเข้า-ออกประเทศที่เข้มข้น มีระบบคัดกรองแบล็กลิสต์ วอชลิสต์ ที่เข้มข้น ประสานข้อมูลตำรวจสากลตลอด ขณะนี้มีการสั่งการให้ยิ่งยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบคัดกรองทั้งในช่องทางด่ามตม.และช่องทางธรรมชาติ
***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 14.11 น. วันที่ 4 ธันวาคม 2558