ศาลฏีกา สั่งแก้โทษจำคุก 5 ปี เหลือ 2 ปี ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กับพวก โดยไม่รอลงอาญา คดีรื้อบาร์เบียร์ เมื่อปี 2546 ด้านเจ้าหน้าที่เตรียมนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
วันที่ 28 มกราคม 2559 ศาลอาญา กรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ และกลุ่มผู้ค้า รวม 44 ราย ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตผู้บริหารบริษัท สุขุมวิท ซิลเวอร์ สตาร์ จำกัด และพวกรวม 130 คน เป็นจำเลยที่ 1-130 (คดีรื้อบาร์เบียร์ ซอยสุขุมวิท 10) ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ
สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น. ของวันที่ 26 มกราคม 2546 มีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน แต่งกายชุดซาฟารี พร้อมรถแบ็คโฮ บุกเข้าทำลายร้านบาร์เบียร์ 60 ร้าน ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ บริเวณสุขุมวิท สแควร์ ซอยสุขุมวิท 10 กทม. เสียหาย เนื่องจากกลุ่มนายทุนกลุ่มใหม่ได้ว่าจ้างให้เข้าไปรื้อร้านค้าของผู้เช่าเดิม เพื่อจะใช้พื้นที่ทำประโยชน์ ภายหลังตำรวจสืบสวนสอบสวน จนสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสิ้น จำนวน 131 คน
โดยเมื่อถึงเวลานัด นายชูวิทย์ ได้เดินทางมายังศาลและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมระบุว่า พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล เนื่องจากอยากเป็นตัวอย่างให้กับนักการเมืองและประชาชนทั่วไปว่า จะต่อสู้คดี ไม่หลบหนีและหากถูกพิพากษาลงโทษให้จำคุก ก็จะขอใช้ชีวิตในคุก ยืนยันจะไม่หลบหนี
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษาแก้เป็นให้จำคุก นายชูวิทย์, พ.ท. หิมาลัย ผิวพรรณ และ พ.ต. ธัญเทพ ธรรมธร กับพวก รวม 66 คน คนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา และในจำนวนนี้ จำเลยได้ยื่นต่อสู้คดีในชั้นฎีกา 44 คน
ล่าสุด ศาลฎีกาพิพากษา ได้อ่านคำพิพากษา ระบุว่า นายชูวิทย์ได้ยื่นคำร้องถอนคำให้การเดิมและสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2558 ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ มีพยานหลายปากเบิกความสอดคล้องกัน เห็นพวกจำเลยในที่เกิดเหตุสั่งการผ่านวิทยุสื่อสารให้รื้อร้านค้า ซึ่งการเขียนแผนภูมิแบ่งหน้าที่การทำอย่างชัดเจน พฤติการณ์ที่เข้าไปทำลายทรัพย์สินโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง การกระทำที่เกินกว่าเหตุ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเเมือง พยานโจทก์ไม่เคยมีความโกรธเคืองจำเลยมาก่อน จึงเชื่อว่าเบิกความไปตามพบเห็น
ส่วน นายชูวิทย์นั้น ได้มีการชดเชยให้ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว ประกอบกับได้นำที่ดินไปเป็นสวนสาธารณะให้กับประชาชนแทนการก่อสร้างศูนย์การค้าบ่งบอกว่านายชูวิทย์ สำนึกผิด จึงมีเหตุให้ปรานี และพิพากษาแก้ให้จำเลยส่วนใหญ่ จากศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก 5 ปี เป็นคงจำคุกนายชูวิทย์ กับพวกบางส่วน คนละ 2 ปี แต่ในจำนวนนี้ มีจำเลย 7 คน ให้นับโทษต่อจากคดีเดิม รับโทษตั้งแต่ 2 ปี 15 วัน-4 ปี สำหรับ พันตรี ธัญเทพ ธรรมธร หรือเสธ.แอ๊ป กับพวกรวม 4 คนที่ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ให้ออกหมายจับมารับโทษภายในอายุความ
สำหรับบรรยากาศโดยรอบบริเวณศาลอาญา กรุงเทพใต้นั้น ได้มีรถของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมาจอดรอรับ นายชูวิทย์ พร้อมผู้ต้องหาคนอื่น เพื่อนำไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
