การจะเลือก "สีทาบ้าน" ใคร ๆ ก็ต้องเลือกสีตามที่ตัวเองชอบ แต่....จะเลือกตามความชอบอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศของเมืองไทยด้วย และถ้าใครบอกว่า เมืองไทยมีแต่อากาศร้อน ต้องเลือกสีที่ทนร้อนสิ ! ขอบอกว่ายังไม่ถูกต้องทั้งหมด ยังไงประเทศไทยก็ยังมีครบทั้ง 3 ฤดู ไม่ว่าจะเป็นร้อน ฝน หนาว แถมบางช่วงยังมีลมแรงอีก
เพราะฉะนั้นเวลาที่จะเลือกสีทาบ้านทั้งที ก็ต้องเลือกให้เข้ากับสภาพอากาศของประเทศไทยสักหน่อย เพราะจะทาสีบ้านทั้งที ก็อยากจะให้สีอยู่นาน ๆ ไม่ซีด หลุดลอกให้ปวดใจ
ทนทานทุกสภาพอากาศ
อย่างที่บอกว่าประเทศไทยมีครบทุกสภาพอากาศ การเลือกสีทาบ้าน โดยเฉพาะสีทาภายนอกที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศ ไม่ว่าจะแดดแรง ลมแรง อากาศหนาว และพายุฝน ก็ต้องเลือกสีที่มีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ยิ่งสีที่มีฟิล์มสีที่สามารถสะท้อนความร้อนได้มาก ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน จะช่วยให้ประหยัดค่าเครื่องปรับอากาศในหน้าร้อนด้วย
ยึดเกาะพื้นผิวได้ดี
สีที่ทนทาน จะต้องสามารถยึดเกาะพื้นผิวได้ดี เนื้อสีมีความละเอียด เพื่อให้เนื้อสีซึมลึกลงสู่พื้นผิว โดยสีทาบ้านที่นิยมนำมาใช้นั้น มักจะเป็นสีอะคริลิค 100% เพราะสามารถใช้ได้ทั้งการทาภายนอกและภายใน
เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย
ไม่ว่าจะทาสีภายในหรือสีภายนอก สิ่งที่จะช่วยให้สีสดสวยอยู่เสมอ คือต้องเลือกสีที่เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย หากมีคราบสกปรก หรือฝุ่นผง ก็สามารถขัดถูได้ โดยที่เนื้อสีไม่ติดออกมากับผ้าที่เช็ด จะได้หมดปัญหาเรื่องคราบสกปรกมากวนใจ
ปราศจากสารระเหย และสารมีพิษอื่น ๆ
ผนังบ้าน โดยเฉพาะภายในบ้าน มักจะเป็นพื้นที่ที่คนในบ้านสัมผัสมากที่สุด ดังนั้น จึงควรเลือกสีที่ใช้สีที่ปลอดสารพิษ ปราศจากสารระเหย และสารมีพิษอื่น ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีของครอบครัว
ได้รับมาตรฐาน มอก.
สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย ก็คือ สีที่มีมาตรฐาน โดยสามารถสังเกตได้ง่ายๆ จากสัญลักษณ์มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อจะได้ยืนยันว่าสีที่เราเลือกใช้ มีหลักเกณฑ์ตามมาตรฐาน มีความปลอดภัยคุ้มค่า และเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไปจริง ๆ
อยากจะให้สีทาบ้านติดทนทานคู่กับบ้านไปนาน ๆ ก็ต้องใส่ใจเลือกสีที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพแวดล้อมกันสักหน่อย และที่สำคัญ จะเลือกทั้งที ต้องเลือก "สีทนได้" ที่ทนได้กับทุกสภาพอากาศกันด้วยนะ
