รวบหัวหน้าแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่น หนีกบดานไทย หนีคดีขู่กรรโชก 600 ล้านเยน

          บุกรวบตัวหัวหน้าแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่น หลังกบดานที่ห้องพักย่านพระราม 9 หนีคดีขู่กรรโชกทรัพย์เหยื่อกว่า 600 ล้านเยน คิดเป็นเงินไทยกว่า 180 ล้านบาท

          วันที่ 1 พฤษภาคม 2559 พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้นำกำลังเข้าควบคุมตัว นายชูเฮอิ โยชิซาว่า (Mr.Shuhei Yoshizawa) ชาวญี่ปุ่น ตามหมายจับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 ของศาลเมืองโกเบ จ.โยโกะ ประเทศญี่ปุ่น และหมายจับตำรวจสากล (Red Notice Interpol) ตามความผิดเกี่ยวกับการใช้เครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ขู่กรรโชก รวมทั้งความผิดในลักษณะอาชญากรรม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเข้าค้นห้องพักย่านพระราม 9 ที่นายชูเฮอิกบดานอยู่
          พล.ต.ท. ณัฐธร เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศญี่ปุ่นให้ช่วยจับกุมตัวนายชูเฮอิ หนึ่งในหัวหน้ากลุ่มทุนใหญ่ที่สนับสนุนการเงินกับแก๊งยากูซ่าชื่อ แก๊งยามากูจิ ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรที่มีอิทธิพลที่สุดในประเทศญี่ปุ่น สำหรับนายชูเฮอินั้น เป็นประธานบริษัทมิยามา มีการรับปรึกษาด้านการลงทุน มีสาขาหลายแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่มีการหาเงินโดยผิดกฎหมาย โดยจะใช้ผู้ร่วมขบวนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขู่กรรโชกทรัพย์ ฉ้อโกงเหยื่อ ด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินรายละ 1 ล้านเยน อีกทั้งยังมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทางตำรวจญี่ปุ่นกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิด ทั้งนี้ในระบะเวลา 1 ปี พบว่ามีผู้เสียหายในกรณีดังกล่าวกว่า 500 ราย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 180 ล้านบาท
 
          พล.ต.ท. ณัฐธร กล่าวต่อว่า เมื่อกลางเดือนปี 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจโอซาก้า ได้ปิดล้อมสำนักงานใหญ่ของบริษัทของนายชูเฮอิ และได้จับกุมผู้ร่วมแก๊งได้ 25 ราย แต่นายชูเฮอิ หลบหนีไปได้และเดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 มีนาคมปีที่แล้ว กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบจนทราบว่านายชูเฮอิ เป็นหัวหน้าขบวนการดังกล่าว จึงได้อนุมัติหมายจับ แล้วประสานงานมายังสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการจับกุมดังกล่าว

          ทั้งนี้จากการตรวจค้นพบว่า พาสปอร์ตที่ทางสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยออกให้นั้น ได้ยกเลิกไปแล้ว ทาง สตม. จึงได้ประสานเพิกถอนตามระเบียบ เนื่องจากเป็นบุคคลที่ต่างประเทศออกหมายจับ อย่างไรก็ดีจะทำการประสานให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นนำตัวนายชูเฮอิ กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่น และจะทำการสืบสวนว่ามีผู้ร่วมขบวนการในประเทศไทยอีกหรือไม่ และจะติดตามจับกุมดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้สำหรับภรรยาคนไทยของนายชูเฮอินั้น ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิด

ภาพจาก springnews

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก