"วีรศักดิ์" รองหน.พรรคชาติไทย ชี้จุดอ่อน 4 ข้อในร่างรธน.50 เปรียบกับรถ เพิ่มอำนาจตุลาการล้นเหมือนยางบวม -แคชซีเบี้ยวมี ส.ว.ทั้งแต่งตั้งและเลือกตั้ง -ไม่มีกล่องฟิวส์กันลัดวงจร -ระบบเลือกตั้งไม่เหมาะสม เหมือนแผงหน้าปัดมัว รอวันระเบิดในไม่ช้า
ที่พรรคชาติไทย นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ ว่า หากดูร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ทั้งฉบับพบว่า ยังมีข้อด้อยอยู่หลายอย่าง หากเปรียบรัฐธรรมนูญเป็นงานมอเตอร์โชว์ แม้จะพบว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดูสวย แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่ 4 จุด คือ
1.ปัญหายางบวม เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจตุลาการทำหน้ามากเกินไป อัดลมยางแน่นไป เพราะศาลก็มีงานเยอะอยู่แล้ว แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ กลับไปเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ศาลให้เยอะขึ้นไปอีก ดังนั้น เมื่อยางบวมอยู่แล้ว ยิ่งใช้เยอะก็จะให้ยางระเบิดได้ เชื่อว่าถ้ารัฐธรรมนูญใช้ระยะหนึ่งแล้วไม่มีการลดแรงดันของยางลง ต่อไปก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาวิกฤติตุลาการ และทำให้ยางระเบิดได้
ปัญหาอย่างที่ 2 คือ แคชซีเบี้ยว เพราะที่มาของ ส.ว.มีทั้ง ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง และ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยผู้ที่มาจากการแต่งตั้งก็มีการถูกครหาว่า อาจจะได้ผู้ที่ถูกกล่าวหามาจากผู้ที่มีอำนาจ ขณะที่ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง กลับกำหนดให้จังหวัดหนึ่งมีส.ว.ได้เพียงคนเดียว แม้จังหวัดจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ซึ่งก็เท่ากับว่ามีน๊อตเพียงตัวเดียวแต่กลับนำไปใช้ทุกอย่าง เมื่อไม่มีความสมดุลเกิดขึ้นก็ให้เกิดปัญหาได้
ปัญหาอย่างที่ 3 คือไม่มีกล่องฟิวส์ ซึ่งนานไปอาจทำให้เกิดการลัดวงจรไฟฟ้า และทำให้ไฟไหม้ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจของศาลและองค์กรอิสระสามารถยื่นกฎหมายเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรได้เลย โดยไม่ให้ผ่านคณะรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะแทนที่จะมีการนำเรื่องเข้ามีการบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ แต่กลับให้มีการเสนอกฎหมายได้ทางตรง ตรงนี้อาจทำให้เกิดการการวิ่งเต้นกับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้โดยตรง ซึ่งเชื่อว่าต่อไปเราจะเห็นภาพของศาลขององค์กรอิสระเดินทางไปวิ่งเต้น หรือต่อรองกับกลุ่มก๊วนต่างๆเอง ซึ่งหากเป็นอย่างนี้ก็เหมือนกับรถที่ไม่มีกล่องฟิวส์ เมื่อขับไปอาจทำให้ไฟฟ้ารัดวงจรและอาจทำให้รถเกิดไฟไหม้ได้ทั้งคัน
ปัญหาสุดท้ายคือ แผงหน้าปัดมัว จะเห็นว่าระบบการเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญปี 2550 ทำให้แผงหน้าปัดมัว เพราะประชาชนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแบ่งระบบสัดส่วนออกเป็น 8 บัญชี อย่างกรณีที่แบ่งจังหวัดอุทัยธานี นครสวรรค์ ไปอยู่กลุ่มเดียวกับจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีวิถีชีวิตคนละแนวทาง รวมถึงการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ไม่เกินเขตละสามคน ซึ่งทำให้ประชาชนจำยาก
ดังนั้น จึงขอเสนอให้มีการกำหนดหมายเลข ส.ส.แบบแบ่ง และแบบสัดส่วนเหมือนกันทั่วประเทศโดยให้แบ่งเป็นพรรค พรรคละ 3 เบอร์ ซึ่งในการจัดสลาก ให้กกต.แบ่งออกเป็นพรรคละ 3หมายเลข พรรคใดจับก่อนก็ได้ไปเลย 3 หมายเลข เช่น กรณีที่พรรค ก.จับได้หมายเลข 25- 26- 27 ก็ให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตใช้หมายเลขที่จับได้ โดยเขตไหนมีผู้แทน 3 คนก็ให้เรียงเบอร์ 25 -26- 27 แต่หากเขตใดมีผู้แทน 2 คนก็ให้ใช้ 25- 26
ส่วนระบบสัดส่วนใช้เบอร์ 25 ทั่วประเทศ ซึ่งหากกำหนดแบบนี้ทำให้ประชาชนไม่เกิดความสับสน เพราะใช้เลขเดียวกันทั้งหมด ไม่เช่นนั้นหากใช้คนละหมายเลข คนละเบอร์อาจทำให้ประชาชนสับสน และรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมือนกับรถที่สตาร์ทติดแต่อย่าวิ่งเร็วเกินไป หากวิ่งเร็วเกินไปก็จะทำให้ยางระเบิดหรือไฟไหม้ท่วมรถได้
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ยังพอรับได้ดีกว่าให้คณะมนตรีความมั่นคง (คมช.)ไปหยิบยกฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ เพราะอย่าลืมว่าประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 16 ฉบับก็เปรียบเหมือนมีรถ 16 รุ่น ที่คาดเดาได้ยากว่า คมช.จะหยิบยกฉบับใดขึ้นมาใช้
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต