x close

เซ็นทรัล แบงค็อก เทสต์ ออฟ เดอะเวิลด์ ประกอบด้วย 3 บิ๊กฟู้ดอีเว้นท์ใหญ่




บางกอกวารี แอท เซ็นทรัลเวิลด์


          ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่ทางรัฐบาลได้จัดงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ234 ปี ไปเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2559 ภายใต้ชื่องาน "ใต้ร่มพระบารมี 234 ปี กรุงรัตนโกสินทร์" ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ในฐานะของผู้ประกอบการเอกชนจึง ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวันสถาปนาให้กับเมืองหลวงของไทย ด้วยการ ทุ่มงบกว่า 40 ล้านบาท จัดงาน "บางกอกวารี แอท เซ็นทรัลเวิลด์" เพื่อนำเสนอกิจกรรมทางศิลปะวัฒนธรรมไทยแขนงต่างๆ จำลองวิถีชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยาเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวบางกอกมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่เป็นความผูกพันมาอย่างแนบแน่นจนกลายเป็นเสน่ห์ของชุมชนดั้งเดิมของกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรมเกิดเป็นความสุนทรียะในตัวเอง อีกทั้งยังทำให้คนในสังคมได้เรียนรู้ความเป็นอยู่และเรื่องราวอันยาวนานของกรุงเทพฯ ในอดีตอีกด้วย

 

          สำหรับคอนเซ็ปต์การจัดงานได้นำตัวเลข "234" แห่งการครบรอบกรุงรัตนโกสินทร์มาใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อความหมายถึง วิถีชีวิตริมวารีของชาวบางกอก มีร้านค้ากว่า 300 ร้านค้า ตั้งแต่วันที่ 14 - 31 กรกฎาคม 2559 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์


บางกอกวารี แอท เซ็นทรัลเวิลด์  ประกอบด้วย 3 โซน ได้แก่

 

          2 ราชธานีริมน้ำเจ้าพระยา แบ่งเป็น ฝั่งพระนคร และ ฝั่งบางกอกน้อย ภายในงานรวบรวมร้านค้าร้านอาหารโดยผู้ที่มาร่วมงานสามารถเดินเลือกซื้ออาหารแล้วนำมารับประทานบริเวณชานบ้าน หรือที่ม้านั่งริมน้ำ เพื่อให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตริมวารีของคนไทยอย่างแท้จริง

 



          3 วิถีริมธารา ณ ฝั่งธนฯ (บางกอกน้อย, ตลิ่งชัน,กุฎีจีน) รวบรวมของอร่อยจากสามชุมชน บางกอกน้อย รวบรวมผลิตภัณฑ์และจานเด็ดจากทุกภาค เช่น ผัดไทใส่เข่งปลาทู, ก๋วยเตี๋ยวหลอด สูตร 70 ปี จากตลาดน้ำบางคูลัด, ตลิ่งชัน แม่ค้าจากตลาดน้ำตลิ่งชันจะยกแผงมาจำหน่ายของอร่อยขึ้นชื่อมากมาย เช่น ปลาทูต้มเค็มสูตร 100 ปี, ขนมจีนป้าแดง, หมี่กรอบส้มซ่า, ขนมเบื้องญวน, ผักผลไม้ต้นไม้จากชาวสวนย่านตลิ่งชัน  และ กุฎีจีน เช่น ข้าวยำสมุนไพร ไก่กอแระปัตตานี และข้าวเกรียบปากหม้อญวนเวียดนาม

 



          4 ชุมชนริมคลองรอบพระนคร (ท่าเตียน, ปากคลองตลาด,บางลำพู, ชุมชนภูเขาทอง) ท่าเตียน จัดแสดงโมเดลของจิ๋วจำลองวิถีชีวิตของคนในย่านท่าเตียน,อาหารและขนมตำรับชาวจีนโบราณ เช่น โชว์การทำและจำหน่ายขนมตุ้บตั้บ,จุ๋ยก้วย, ขนมคอหงส์, ขนมแต่งงาน,กุ๋ยช่ายตลาดพลู ปากคลองตลาด สวรรค์แห่งดอกไม้นานาพันธุ์ริมคลองรอบกรุง จำหน่ายดอกไม้, ผักสด, ผลไม้ จากร้านค้าตลาดปากคลอง บางลำพู จำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องประดับ วินเทจ, สาธิตการปรุงข้าวมธุปายาสสมัยพุทธกาล อายุกว่า 1,000 ปี ชุมชนภูเขาทอง จัดสาธิตการตีบาตร, ขนมเครื่องทอง, ของเด็กเล่นโบราณ

เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ เวิลด์ แกสโทรนอมี่ (Central Food Hall World Gastronomy 2016)




          นางสาว วัตินาพร บัณฑุชัย ผู้อำนวยการอาวุโส Brand Marketing & Advertising บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เผยว่า เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ เวิลด์ แกสโทรนอมี่ ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท   จัดงานแสดงอาหารกลิ่นอายยุโรป ซึ่งมีความพิเศษคือคลาสเวิร์คช้อปทำอาหารนานาชาติเพื่อการกุศลกับเชฟระดับแนวหน้าของเมืองไทย  ระหว่าง วันที่ 19-24 กรกฎาคม 2559 ณ ลานอีเดน 1-2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แบ่งการจัดงานออกเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนอีเดน ชั้น 2 เซ็นทรัลเวิลด์ คลาสเวิร์คช้อปทำอาหารนานาชาติเพื่อการกุศลกับเชฟระดับแนวหน้าของเมืองไทย

 

          อาทิ เชฟเอียน - พงษ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย เชฟชื่อดังระดับโลก , เชฟ Henk Savelberg เจ้าของร้าน Savelberg ร้านอาหารฝรั่งเศสมิชลินสตาร์ระดับ  3 ดาว , เชฟ Nick Reitmeier  ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารระดับโลกและSourcing Guru ประจำเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, Chef Michael Hogan จากแมริออท ควีนส์ปาร์ค , เชฟ Joan Tanya Dot จาก เซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ , เชฟ Gianni Favro จากร้านอาหารอิตาลี GIANNI RESTAURANT , เชฟ Mark Hagenbach จากโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ , เชฟ Mirco Keller จาก วอเตอร์ ไลบราลี่

 

          ถัดมา คือ โซนอีเดน ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ โซนแสดงสินค้าและจำหน่ายอาหารที่คัดสรรจากแบรนด์ดังนานาประเทศทั่วโลก   มากกว่า 1,000 รายการจาก 30 ประเทศทั่วโลก  นำมาให้เลือก ช้อปอย่างจุใจ  สินค้าไฮไลท์และเอ็กซ์คลูซีฟ  อาทิ ซอสบาร์บิคิวสูตรต้นตำรับจากอเมริกา ขนมชีสเค้กจากญี่ปุ่น มันฝรั่งรสเห็ดทรัฟเฟิ้ลจากสเปน บิสกิต และหอยนางรมสดๆ  น้ำแร่จากฝรั่งเศส  ผลิตภัณฑ์เดลี่โปรดัคจากออสเตรเลีย  แอปเปิ้ลดีไวน์จากนิวซีแลนด์  เกลือสีชมพูจากฮิมาลายา ประเทศปากีสถาน ซีเรียลจากรำข้าว ประเทศอังกฤษ  

 

          ร้านอาหารชื่อดัง ได้แก่ ร้าน Teddy's Bigger Burgers  ร้านแฮมเบอร์เกอร์ระดับพรีเมี่ยมสัญชาติอเมริกันแท้ ซึ่งได้รับการขนามนามว่าเป็นร้านเบอร์เกอร์อันดับ 1 ในเมืองฮาวาย ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก  ร้าน Pie Face ขนมอบสัญชาติออสเตรเลีย ที่ปัจจุบันมีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตาด้วยการแต่งหน้าพาย เป็น Emotion ต่างๆ ตามรสชาติ ซึ่งไม่มี Bakery แบรนด์ไหนเหมือน ร้าน Pala Pizza Romana  นำเสนอพิซซ่ารูปสี่เหลี่ยมยาว รสชาติอิตาลีแท้ ที่ใช้วัตถุดิบ สด ใหม่ นำเข้าจากประเทศอิตาลีเท่านั้น ร้าน Yakun Kaya Toast ร้านกาแฟ ชา ขนมปัง และอาหารเช้าจากประเทศสิงค์โปร์  เมนูแนะนำ คือ ขนมปังคายา หรือภาษาไทยเรียกว่าขนมปังสังขยาที่เป็นสูตรพิเศษ

อีทไทย เอ็กซ์แพนชั่น (Eathai Expansion)




          นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า "Eathai" (อีทไทย) ศูนย์รวมอาหารจากทั่วทุกภาค และสตรีทฟู้ดชื่อดัง ใช้งบ 40 ล้านบาท ปรับโฉม "Eathai" (อีทไทย) พร้อมจัดกิจกรรม "Eathai Expansion" เผยโฉม 13 โซน ระหว่าง 21 ก.ค. - 7 ส.ค. 59 ณ บริเวณชั้น LG อัดโปรโมชั่นและความบันเทิงหลากหลายสร้างมู้ด ชวนชิม อิ่ม ช้อปฯ ชูจุดแข็งขนาดพื้นที่ใหญ่สุด อาหารมากสุด ครบสุด ในบรรยากาศไทยร่วมสมัย พร้อมสร้างสีสันและความสนุกสนานภายใต้คอนเซ็ปต์ "ทิง นอง นอย"

 

          คาดทราฟฟิกเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 คน /วัน โดยปีที่ผ่านมาเรามีลูกค้ามาใช้บริการตลอดปีถึง 540,748 คน (เฉลี่ย 1,500 คนต่อวัน) และล่าสุด อีทไทย ยังได้รับรางวัล "ชนะเลิศการบริการ ยอดเยี่ยมประจำปี 2016" ร่วมกับ ห้างเซ็นทรัลชิดลม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี จากทริปแอดไวเซอร์ (TripAdvisor®)เว็บไซต์ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดในโลก

 

          สำหรับ งบประมาณ 40 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 30 ล้านบาท ในการปรับโฉมใหม่ ซึ่งได้มีการ ขยายพื้นที่จากเดิม 2,500 ตร.ม. เป็น 3,550 ตร.ม. จัดสรรเป็น 13 โซน ประกอบด้วย "ครัว 4ภาค" (Krua 4 Pak) รวบรวมร้านดังมาเสริมทัพมากขึ้น ครอบคลุมทุกเมนูเด็ดทั้งสี่ภาคของประเทศไทย รวมไปถึงเมนูอาหารยอดนิยมจากโซน "สตรีทฟู้ด" (Street Food) พบกับโซนใหม่ ลิตเติลไชน่าทาวน์ (Little Chinatown) ที่จะมีร้านอาหารไทย-จีนชื่อดัง "แสนยอด"  มาพร้อมเมนูใหม่ให้ลิ้มลอง,  "บ้านขนมไทย" (Baan Kanom Thai) โซนรวบรวมขนมไทยรสชาติดั้งเดิมไว้หลากหลาย ทั้งขนมน้ำกะทิ ของเชื่อม และข้าวเหนียวหน้าต่างๆ, "หวานเย็น" (Wan Yen) รวบรวมเมนูหวานเย็น ชื่นใจ เช่น ไอศกรีมมะพร้าว/ไอศกรีมมะม่วง สามารถเลือกท็อปปิ้ง/คอนดิเมนท์เพิ่มได้ รวมไปถึง ลอดช่องวัดเจษฯ เต้าทึง น้ำแข็งไส เฉาก๊วย , "อีทไทยคาเฟ่" (Eathai Café) ขนาดพื้นที่ 150 ตร.ม. เอาใจคนมีเวลาน้อยด้วยอาหารจานด่วน กับคอนเซ็ปต์ all day dining ที่มาพร้อมเมนูอาหารเช้า ของรับประทานเล่น ซุป แกง อาหารจานเดียวทั่วไป ฯลฯ ตามมาด้วย "มุมอร่อย" (Moom Aroi) โซนอาหารที่คงคอนเซ็ปต์ความเป็นไทย คัดสรรเจ้าอร่อยจากทุกสารทิศมาไว้ที่นี่ โดยจะเวียนเปลี่ยนทุก 2 อาทิตย์ ประเดิมสัปดาห์แรกด้วยร้านอาหารชื่อดัง "จกโต๊ะเดียว" ระหว่างวันที่ 18 - 31 ก.ค.59


          แล้วช้อปอย่างจุใจกับ "ตลาดอีทไทย" (Talad Eathai) และโกรเซอรี่ สี่ภาค (Grocery4 Pak) บนพื้นที่ 900 ตร.ม. มีให้เลือกทั้งอาหารสด อาหารแห้ง สินค้าอุปโภค บริโภค ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ทั้งของสดของแห้งส่งตรงจากโครงการหลวง และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น (OTOP) จากทุกภาค




          นอกจากนี้ยังมี ร้านข้าวสาร "อีท ไทย ไรซ์" (Eat Thai Rice) ร่วมภูมิใจเอกลักษณ์ไทยในฐานะแหล่งผลิตข้าวชั้นดีของโลก มีให้เลือกทั้งข้าวไทยและข้าวออร์แกนิก คัดสรรอย่างพิถีพิถันจากแหล่งผลิตชั้นดีทั่วไทย มีให้เลือกมากถึง 23 พันธุ์ เพลิดเพลินไปกับร้านขายหนังสือทำอาหารไทย และของที่ระลึกจากอีทไทยในโซน  ไทยคุกบุ๊ก &ซูวีเนียร์สโตร์ (Thai Cookbook & Souvenir Store)ร้านยาสมุนไพรแผนไทยและจีนโบราณ เวชพงศ์โอสถ (Vejpong Pharmacy) รวมไปถึงสถาบันสอนทำอาหาร "อิษยา คุกกิ้ง สตูดิโอ" (Issaya Cooking Studio) ที่ยินดีต้อนรับคนรักการทำอาหาร นอกจากนี้ ยังมีบริการ Grab & Go สั่งกลับบ้านเพื่อให้คุณได้อร่อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมสารพัดเมนูให้เลือกในแพ็กเกจแสนเก๋อีกด้วย

 

          ส่วนงบประมาณอีก 10 ล้านบาท สำหรับจัด กิจกรรม "Eathai Expansion" ฉลองโฉมใหม่ ในการประชาสัมพันธ์และกิจกรรมทางการตลาดทั้งโปรโมชั่น และสีสันความบันเทิง ระหว่างวันที่21 ก.ค.-7 สค.นี้ อาทิ การแสดงจำอวดหน้าม่าน, การละเล่นผีตาโขน, สาธิตการร้อยมาลัย ฯลฯ

 

          ทั้งนี้ ภายหลังการเปิดอีทไทยโฉมใหม่เต็มรูปแบบแล้ว เชื่อว่าจะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น จากเดิม 1,500 คน/วัน เป็น 3,500คนต่อวัน โดยคาดว่าเป็น ชาวต่างชาติ 60 % และคนไทย 40% ในส่วนของชาวต่างชาติ 60% แบ่งเป็นเอเซีย 30% และยุโรป-อเมริกา 20% ตะวันออกกลาง 10% 

 

          นอกจากนี้ นายพิชัย จิราธิวัฒน์ ยังได้เผยอีกว่า กลุ่มภาคีโรงแรมในย่านเซ็นทรัล แบงค็อก ได้ร่วมจัดโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับงาน Central Bangkok Taste of The World โดยจะร่วมออกบูธจำหน่ายบัตรรับประทานอาหารราคาพิเศษจากโรงแรม อาทิ 

 



          โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ พบกับบัตรรับประทานอาหารราคาพิเศษจากโรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ ห้องอาหารนานาชาติเฟลเวอร์ นำเสนอความหลากหลายในเมนูอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ให้ทุกท่านได้มาลิ้มรสความอร่อยจากเมนูพิเศษ อาทิเช่น ขาปู อลาสก้าและตับห่าน ในมื้อค่ำของทุกวัน รวมถึงอาหารทะเล อาหารญี่ปุ่น และมุมปิ้งย่างบาร์บีคิวที่มีเนื้อหลายชนิดให้เลือก นอกจากนี้เรายังยกขบวนขนมหวานพร้อมไอศครีมโฮมเมดมาเสริฟให้แบบเต็มอิ่ม พร้อมเมนูเด็ดที่พลาดไม่ได้ คือ กุ้งบอสตันล็อบสเตอร์ในบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ มื้อสายวันอาทิตย์


          โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน บุฟเฟ่ต์นานาชาติ มื้อกลางวัน (จันทร์ – ศุกร์) พร้อมน้ำดื่ม ที่ห้องอาหารเดอะ เรนทรี คาเฟ่ พิเศษ 1,000 บาทสุทธิ จากราคาปกติ 1,412 บาทสุทธิ บุฟเฟ่ต์นานาชาติ มื้อค่ำ (อาทิตย์ – พฤหัสบดี) พร้อมน้ำดื่ม ที่ห้องอาหารเดอะเรนทรี คาเฟ่ พิเศษ 1,400 บาทสุทธิ จากราคาปกติ 1,883 บาทสุทธิ เป็นต้น


          โรงแรมโฮเทล มิวส์ แบงค็อก ทีมเชฟมากประสบการณ์แห่งโฮเทล มิวส์ แบงค็อกนำเสนอ "เมนู ทาปาสแพลตเตอร์" เลิศรสจานพิเศษ เสิร์ฟพร้อมโปรเซคโค่ สปาร์คคลิ่งไวน์ ไว้คอยให้บริการในทุกห้องอาหารของโรงแรม ในราคาพิเศษ


          เทศกาล Taste of The World โดยเซ็นทรัล แบงค็อก เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทย ในการจัดแสดงเทศกาลอาหารระดับโลก เพื่อให้คนทั่วโลกได้ชื่นชมและสัมผัสถึงเอกลักษณ์ของครัวไทยที่ไม่มีใครลอกเลียน อีกทั้งสามารถประยุกต์เข้ากับทุกเมนูอาหารจากหลากประเทศจนเกิดเป็นเมนูที่สร้างสรรค์แปลกใหม่ถูกใจนักชิมทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองไทย รวมถึงสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับประเทศอีกด้วย.
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เซ็นทรัล แบงค็อก เทสต์ ออฟ เดอะเวิลด์ ประกอบด้วย 3 บิ๊กฟู้ดอีเว้นท์ใหญ่ อัปเดตล่าสุด 20 กรกฎาคม 2559 เวลา 12:13:45 1,504 อ่าน
TOP