แม่วัย 20 ปี เดินทางร้องเรียน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล ขอความเป็นธรรมหลัง โรงพยาบาลไม่ทำคลอดลูก-ไม่ได้รับการดูแล จนลูกเสียชีวิต
วันที่ 27 กรกฎาคม 2559 น.ส.นภัสสร (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ชาวบ้าน ต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล พร้อมด้วยญาติ ได้เดินทางไปยัง สำนักงานสาธารณสุข จ.สตูล เพื่อร้องเรียนเนื่องจากบุตรเสียชีวิตจากการคลอด โดยอ้างถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ไม่ดูแลอย่างทั่วถึง เป็นเหตุทำให้ลูกที่อยู่ในท้องเสียชีวิต
กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 06.00 น. พยาบาลได้มาตรวจและแจ้งว่าปากมดลูกเปิด 2 เซนติเมตร ซึ่งปากมดลูกยังหนาอยู่ แต่ตนยังเจ็บท้องรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ได้พบกับแพทย์เวรหรือแพทย์ผู้ชำนาญการในด้านการรักษาการทำคลอดเลย หลังจากนั้นตนก็ปวดท้องตลอดเวลาและมีอาการอาเจียนในตอนเที่ยง พยาบาลได้เอาปัสสาวะและเลือดไปตรวจและมาแจ้งว่ากระเพาะปัสสาวะติดเชื้อสูงมากและฉีดยาให้ 1 เข็ม
ทั้งนี้ในคืนวันที่ 13 กรกฎาคม ก็ยังไม่ได้รับการตรวจจากแพทย์เวร จนถึงเวลา 02.00 น. ตนปวดท้องมากและพบว่ามีน้ำคร่ำไหลออกมามาก แต่ยังไม่คลอดเพราะปากมดลูกเปิดแค่ 2 เซนติเมตร ในคืนนั้นตนก็ยังไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันท่วงที และเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม แม่ของตนได้รับรู้อาการมาตลอดและเห็นว่าตนไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลเลย จึงได้ไปแจ้งแพทย์ด้วยตนเองขอให้ส่งตัวโดยด่วนไปยังโรงพยาบาลที่มีแพทย์คอยดูแลมากกว่านี้ แต่ได้รับการนิ่งเฉยจากแพทย์คนดังกล่าว
น.ส.นภัสสร กล่าวอีกว่า พยาบาลบอกว่ามดลูกยังไม่เปิด แต่ตนรู้สึกว่าลูกดิ้นน้อยลง ทำให้กระวนกระวายใจอย่างมากว่าอาจจะมีผลกระทบต่อการคลอดลูกจึงไปร้องขอการส่งตัวอีกกับพยาบาลที่พอจะช่วยเหลือได้คือพยาบาลหน้าห้องตรวจ แต่พยาบาลบอกว่าไม่สามารถช่วยได้เพราะอยู่คนละแผนกกัน ขณะที่อาการปวดและการดิ้นของลูกของตนเริ่มลดลง จึงได้บอกแม่ว่าอยากจะกลับบ้านแต่พยาบาลบอกว่าน้ำคร่ำออกมามากแล้ว กลับไม่ได้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ต่อมาแม่ของตนตัดสินใจไปขอคำแนะนำที่โรงพยาบาลละงู ซึ่งแพทย์ได้แนะนำให้ส่งตัวมา แม่ของตนก็ได้ไปแจ้งที่โรงพยาบาลที่ตนรอคลอดก็ได้รับคำตอบว่า วันที่ 15 กรกฎาคมจึงจะส่งตัวไป ต้องนอนรออยู่อีกทั้งที่อาการดิ้นของบุตรลดน้อยลงอย่างมาก
จนต่อมาในเวลาประมาณเวลา 02.15 น. ของคืนวันที่ 14 กรกฎาคมนั้น ตนเริ่มมีไข้ พยาบาลและแพทย์ก็ได้เข้ามาตรวจและให้ออกซิเจน ต่อมาออกซิเจนหมดก็ไม่มีพยาบาลนำมาเปลี่ยน กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 15 กรกฎาคม แม่ก็ได้พาตนออกจากโรงพยาบาลดังกล่าว และเมื่อไปถึงโรงพยาบาลอีกแห่ง แพทย์เวรก็เตือนและบอกว่าต้องเข้าห้องผ่าตัดเวลา 10 โมงเช้า จนเมื่อผ่าตัดเสร็จก็พบว่า เด็กสำลักน้ำคร่ำและหัวใจเต้นน้อยทำการผ่าตัดไปประมาณ 30 นาที ต่อมาบุตรของตนได้สิ้นลมหายใจ ดังนั้น ตนเองจึงมาขอความเป็นธรรมเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้วยเพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก
ด้าน นายภาณุ เพ็ชรประดับ ผู้ให้คำปรึกษากับ น.ส.นภัสสร ระบุว่า น.ส.นภัสสร และญาติได้มาปรึกษาเพราะตนพอรู้กฎหมาย จึงมาร้องขอความเป็นธรรมเพราะอย่างไรหากผิดตั้งแต่การไม่เอาใจใส่ดูแลของโรงพยาบาลจริงหรือไม่ ทางสาธารณสุขสามารถตรวจสอบได้เพราะคงไม่เข้าข้างกันเองแน่ ชีวิตที่สูญเสียไปในครั้งนี้จะได้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าไว้ใจใครทั้งสิ้น
ขณะที่ นายวิมาน ปันดีกา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ กล่าวว่า ตนเองรับทราบเรื่องแล้วจะนำเรียนต่อนายแพทย์สาธารณสุขเพื่อรับทราบและตรวจสอบต่อไปพร้อมจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบหรือไม่ต้องมีประชุมก่อน
ภาพและข้อมูลจาก
