ผมเคยมีเพื่อนชาวเติร์กอยู่ 4-5 คน คราวไปแข่งเรือใบชิงแชมป์โลกที่อิตาลี เพราะได้อยู่เรือนพักเดียวกับทีมชาติตุรกี เราแลกเปลี่ยนสอนภาษาทะลึ่งตึงตังตามวิสัยวัยรุ่น และต่างคุยโวถึงของดีของประเทศตัวเอง ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไหร่ เวลาล่วงเลยไปเกือบ 20 ปี จนกระทั่ง สายการบินเตอร์กิซ แอร์ไลน์ เชิญไปสัมผัสดินแดนตุรกี ผมจึงสบโอกาสไปเยี่ยมเยือนบ้านเกิดเพื่อนเก่าของผม
ใครได้ไปเที่ยว ตุรกี นี่ถือว่าคุ้มครับ เพราะไปประเทศเดียวได้เหยียบถึง 2 ทวีป คือทั้งเอเชียและยุโรป แถมยังได้สัมผัสกับตำนานประวัติศาสตร์โลกที่ยิ่งใหญ่หลายยุคหลายสมัย แต่ไม่ขอเจียระไนตรงนี้ เพราะเนื้อที่ไม่พอแน่ นอกจากสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกอารยธรรมแต่ละยุคแล้ว ธรรมชาติยังสร้างสรรค์ประติมากรรมชั้นยอดไว้อีกมากมาย
จุดหมายแรกที่เราไปสัมผัสคือ เอฟฟิซุส เมืองโบราณกว่า 2,000 ปี ที่ยิ่งใหญ่และงดงามประณีตในเชิงศิลปะสถาปัตยกรรม น่าเสียดายที่ถูกพิษภัยของสงคราม และแผ่นดินไหว เล่นงานจนพังทลายลงมาเกือบหมด แต่ซากปรักหักพังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ก็ยังจินตนาการได้ถึงความอลังการในอดีต ไฮไลต์ของที่นี่คือ โรงละครกลางแจ้ง รูปเสี้ยววงกลม ที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 3 หมื่นคน และยังคงใช้งานได้ในปัจจุบัน
อีกจุดคือ หอสมุดเซลซุส ซึ่งถูกทำลายไปเกือบหมดในสมัยสงคราม คงเหลือแต่เฉพาะด้านหน้าอาคาร แต่ก็มาพังทลายลงจากภัยแผ่นดินไหว ต้องบูรณะขึ้นมาใหม่ ปากทางเข้าจะมีเทวรูปเทพี 4 องค์ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญา คุณธรรม ความเฉลียวฉลาด และความรู้ เสียดายนิดนึงตรงที่ว่าเป็นรูปจำลอง เพราะของจริงไปแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์กรุงเวียนนา
มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเมืองนี้ คือในอดีตเขาจะใช้ห้องสุขาซึ่งเปิดโล่งเป็นที่เกี้ยวพาราสีกัน เพราะบรรยากาศดี มีลานน้ำพุ มีดนตรีบรรเลงให้ฟังขณะที่ห้องสมุดจะได้รับความนิยมจากพวกผู้ชายมาก เพราะมีอุโมงค์ลอดไปสู่ซ่องนางโลมฝั่งตรงข้าม เวลาจะหนีภรรยาไปเที่ยว ก็ขอตัวไปห้องสมุดเพื่อศึกษาค้นคว้า (ฮา)
เปลี่ยนบรรยากาศไปสัมผัสธรรมชาติกับ ปามุคคาเล่ดินแดนแห่งน้ำพุเกลือร้อนที่ไหลทะลุออกมาจากใต้ดิน ผ่านซากเมืองเก่าสมัยกรีก กลายเป็นน้ำตกและแก่งหินสีขาวงดงามประดุจหิมะ จนถูกขนานนามว่า ปราสาทปุยฝ้าย แล้วหากใครอยากอาบน้ำแร่ก็ไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่เขาสร้างแอ่งน้ำแร่จำลองไว้บริการให้ดำผุดดำว่ายเต็มที่ ส่วนแอ่งธรรมชาติหมดสิทธิแตะ เพราะอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ เรียกว่า