ผบ.ตร. ระบุ ยังไม่มีการเพิกถอนหมายจับ "ศักรินทร์" ผู้ต้องสงสัยในคดีวางเพลิงโลตัสนครศรีธรรมราช ส่วนประเด็น 10 จุดเสี่ยงใน กทม. ที่แชร์กันในโซเชียลก็ไม่เกี่ยวเหตุระเบิดใต้ เป็นข้อมูลเก่าที่ทางการเฝ้าระวังมาต่อเนื่อง ด้าน "มือถือ" รุ่นที่คนร้ายใช้ก่อเหตุบึ้มใต้นั้น ได้ประสานกับบิ๊กตำรวจมาเลเซีย เพื่อเดินหน้าหาหลักฐานแล้ว
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2559 พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์วางระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้เห็นภาพขบวนการและแผนการ ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก สามารถเห็นภาพในเครือข่ายแล้วบางส่วน แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลกับสื่อมวลชนได้ ขณะนี้ยังยืนยันว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการก่อเหตุวินาศกรรม ไม่ใช่การก่อการร้าย เนื่องจากการก่อการร้ายต้องมีผู้ออกมารับเป็นผู้ดำเนินการ แต่เหตุการณ์นี้ยังไม่มีผู้ออกมาแสดงตัวกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยส่วนตัวแล้วยังมุ่งประเด็นหลักของการก่อเหตุไปที่การลงประชามติ แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้งและกำลังเร่งสอบสวนสืบสวนหาหลักฐานอย่างเร่งด่วน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาอีกรายที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้คือ มูหะมัดรอสะดี ปาเนาะ ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี สามารถจับได้ที่จังหวัดกระบี่ ตามหมายจับเก่าที่มีการออกไว้แล้วก่อนหน้านี้ ในความผิดเกี่ยวกับการก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน แต่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล และสาเหตุที่สามารถจับกุมตัวได้ในจังหวัดกระบี่ ทราบจากการสอบสวนพบว่าทางครอบครัวของนายมูหะมัดรอสะดี ต้องการให้ผู้ต้องหาหลบหนีออกจากพื้นที่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการกดดันติดตามจับตัว
ส่วนกรณีการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่เก็บได้จากจุดเกิดเหตุ ที่พบว่ามีชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผลิตมาจากประเทศมาเลเซียนั้น ผบ.ตร. ระบุว่า ได้ประสานข้อมูลส่วนตัวกับผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียอย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนที่ทราบว่าเป็นโทรศัพท์ของประเทศมาเลเซีย เนื่องจากเป็นรุ่นที่ไม่มีขายภายในประเทศไทย และที่ตัวโทรศัพท์และซิมการ์ด มีสัญลักษณ์ของผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศมาเลเซีย ส่วนการตรวจพิสูจน์ของหน่วยงานพิสูจน์หลักฐาน ขณะนี้ได้รับรายงานว่าได้มีการตรวจสอบเกือบทั้งหมดแล้ว และได้มีการส่งผลกลับไปยังพื้นที่แล้ว รวมถึงวัตถุระเบิดที่ไม่ทำงานและเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้ใหม่ในช่วงวานนี้ สามารถเก็บวัตถุพยานได้บางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ แต่สามารถระบุได้ว่าวัตถุระเบิดที่พบมีการประกอบและอุปกรณ์ที่คล้ายคลึงกับการก่อเหตุในสามจังหวัดภาคใต้ ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่เชื่อว่าไม่ใช่กลุ่มปฏิบัติการเดียวกัน
ส่วนกรณีมีการแชร์จุดเสี่ยง 10 จุดทั่วกรุงเทพมหานครในโซเชียลนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ขอยืนยันว่า จุดเสี่ยงทั้งหมดที่มีการแชร์กันเป็นจุดเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ทราบอยู่แล้ว และกำชับให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเป็นปกติ และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นทั้งภาคใต้และเหตุราชประสงค์ แต่ก็ฝากถึงพี่น้องประชาชนขอให้มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสต่าง ๆ กับเจ้า หน้าที่เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเอง