ปวีณา หงสกุล พาแม่วัย 78 ปี ของภรรยา พ.ต.ท. ที่ถูกทำร้ายร่างกาย จนเสียชีวิต มาติดตามความคืบหน้าคดี ยันไม่ให้อภัยและไม่รับการขอขมา
จากกรณีที่ตำรวจยศ พ.ต.ท. ทำร้ายร่างกายภรรยาวัย 51 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก เลือดคั่งในสมอง ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู โรงพยาบาลสมุทรสาคร ต่อมาอาการไม่สู้ดี แพทย์ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้และได้เสียชีวิตลง ทำให้ผู้เป็นแม่วัย 78 ปี ต้องเข้าร้องเรียนนางปวีณา ระธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอความเป็นธรรมให้ลูกสาว ด้านตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยกับ พ.ต.ท. ดังกล่าวแล้วนั้น [อ่านข่าว : สั่งฟันวินัย-อาญา พ.ต.ท. ซ้อมเมียสาหัส เจ้าตัวเปิดใจ ทำไปเพราะห่วงลูก]
ล่าสุด (27 สิงหาคม 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็ก และสตรี ได้พา นางอู๊ด แม่ของนางสาวธันยนันท์ ภรรยาซึ่งถูกสามีคือ พ.ต.ท. บุญเรือง สาระรัมย์ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต. สรศักดิ์ เย็นเปรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี
โดย พล.ต.ต. สรศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนวนการสอบสวนยังคงเหลือการสอบปากคำพยานอีก 3 ราย และต้องรอผลพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชมาประกอบสำนวนด้วย นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้นำหลักฐานประกอบเพิ่มขอยื่นฝากขังครั้งที่ 3 ต่อศาลจังหวัดสมุทสาคร แต่ทาง พ.ต.ท. บุญเรือง ได้ยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลให้ประกันตัวได้
ทั้งนี้ นางอู๊ด มารดาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากได้รับฟังคำชี้แจงแล้วก็ไม่ติดใจอะไร ส่วนในกรณีของ พ.ต.ท. บุญเรือง นั้น หากจะมากราบขอขมาหรือขอประนีประนอมในความผิดที่ทำลงไป ขอยืนยันว่าไม่ขอรับการขอขมาและไม่ยอมที่จะให้อภัย ขอให้ทางตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือ การขอเป็นผู้ดูแลหลานชายทั้ง 2 คน ที่ยังคงอยู่ในความดูแลของผู้เป็นพ่อ ซึ่งในเรื่องนี้คงต้องมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาลและให้ศาลเป็นผู้พิจารณาต่อไป
