ตำรวจตามรวบ วัชรินทร์ ประทุมพร โชเฟอร์รถทัวร์โหดใช้ค้อนทุบชิงทรัพย์ผู้โดยสารดับได้แล้ว เจ้าตัวสารภาพเสพยาบ้าก่อนก่อเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2559 นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี ถูกปล้นชิงทรัพย์บนรถโดยสารปรับอากาศ ป.2 สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยรถคันที่เกิดเหตุนั้น จอดติดหล่มอยู่บริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากหนองตาเต็นไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ขณะที่ผู้ต้องสงสัย คือ นายวัชรินทร์ ประทุมพร คนขับรถโดยสารคันดังกล่าว ได้หายตัวไปจากที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายวัชรินทร์ ผู้ต้องหาในคดี ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์นางบุญเพ็งจริง และวันเกิดเหตุตนได้เสพยาบ้ามาก่อน เมื่อเห็นนางบุญเพ็งโบกรถถึงจอดรับ ก่อนทำทีเป็นรถเสียช่วงใกล้ถึงตัว อ.พยัคฆภูมิพิสัย เมื่อซ่อมรถเสร็จจึงได้ขับรถต่อไป และได้จอดรถลงไปปัสสาวะบริเวณใกล้แยกบ้านยางบ่ออี ต.เมืองบัว อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ จากนั้นได้ขึ้นมาบนรถ และได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนางบุญเพ็ง ต่อมาจึงได้วกรถกลับมา อ.วาปีปทุม ก่อนขับรถเข้าหมู่บ้านหนองผือ ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย ผ่านหมู่บ้านดงบากหนองตาเต็น-บ้านเหล่าน้อย เพื่อที่จะนำศพมาทิ้ง
โดยหลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนได้เดินลัดเลาะตามทุ่งนาไปเรื่อย ๆ เพื่อกลับมาที่บ้านเกิดในหมู่บ้านดงเค็ง ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม โดยอาศัยนอนตามกระท่อมกลางนา ซึ่งไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่วันนั้น จนถึงช่วงเช้าวันนี้ ตนเห็นว่ามีรถเข็นขายไก่ปิ้งผ่านมาจึงได้เรียกซื้อ จากนั้นก็ไปนอนในกระท่อมกลางนา บ้านจอกขวาง ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม
นอกจากนี้ นายวัชรินทร์ ยังเปิดเผยอีกว่า ได้นำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ซึ่งเป็นของกลางในคดี ไปทิ้งบริเวณทุ่งนาใกล้ที่เกิดเหตุ เนื่องจากสร้อยขาด และปฏิเสธว่าไม่ได้เอาส่วนสร้อยข้อมือน้ำหนัก 1 บาทของผู้เสียชีวิตไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่ตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วเป็นเพราะกระแสโซเชียลมีเดียที่มีการแชร์ออกไปอย่างมากมาย ทำให้มีคนพบเห็นนายวัชรินทร์ว่าอยู่ในพื้นที่บ้านจอกขวาง ต.หนองแสง อ.วาปีปทุม จึงได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจับกุม
ด้านนายสุพิศ วัตรสุนทร เจ้าของรถบัสโดยสารคันเกิดเหตุ กล่าวภายหลังทราบข่าวนายวัชรินทร์ถูกจับกุม ว่า ตนรู้สึกคลายความกังวลจากที่ต้องอยู่ในภาวะเครียด เพราะเกรงคดีจะยืดเยื้อยาวนานซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำรถออกไปวิ่งได้ แต่หลังจับกุมได้ก็มั่นใจว่าคดีจะคลี่คลายโดยเร็ว ซึ่งตนจะได้นำรถออกมาประกอบอาชีพได้เร็วขึ้น พร้อมขอขอบคุณตำรวจที่ติดตามจับกุมตัวได้โดยเร็ว
สำหรับคดีที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลแค่ตัวนายวัชรินทร์คนเดียว แต่ส่งผลกระทบวงกว้างกับผู้ประกอบอาชีพรถโดยสารสาธารณะ เพราะทำให้ผู้โดยสารขาดความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยที่จะใช้บริการรถโดยสาร โดยเฉพาะตนที่ไม่รู้ว่า เมื่อนำรถออกมาวิ่งจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการปกติหรือไม่ อย่างไรก็ดี ฝากวิงวอนผู้โดยสารหรือประชาชนโปรดเห็นใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของบุคคลอย่าเหมารวม จากนี้จะตรวจสอบผู้ที่จะเป็นโชเฟอร์ให้รอบคอบ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, 
, 
