ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน !
"ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้"
จากพระราชนิพนธ์บันทึกประจำวัน "ในหลวง"
1
เชื่อว่าคนไทยทั้งชาติยังจำได้ฝังใจกับประโยคประวัติศาสตร์ข้างต้น
เมื่อครั้งที่ประชาชนมาส่งเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเพื่อไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ ปี พ.ศ. 2489
กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ผ่านมา 70 ปี ไม่มีแม้แต่วินาทีเดียวที่พระองค์จะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน จะดี จะเลว จะใกล้ จะไกล จะทุรกันดารเพียงไหน พระองค์ทรงห่วงใยชนชาวไทยโดยไม่หวั่นไหวกับความยากลำบากใด ๆ เสมอมา
แม้แต่ในยามที่พระองค์ทรงพระประชวรอย่างที่สุด พระองค์ก็ยังทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชน
วันนี้ในยามที่สายฝนโปรยปราย พระองค์ทรงไม่ได้อยู่กับเรา พระองค์ทรงเสด็จฯ กลับสู่ฟากฟ้าที่ทรงเสด็จฯ ลงมา อาจจะดูไกลแสนไกลในความรู้สึก ไม่มีทางได้เห็นพระพักตร์ ไม่มีทางไปเข้าเฝ้าฯ
โลกของใครหลายคนแทบแตกสลาย ไม่มีแล้วรอยยิ้มของพ่อ ไม่มีแล้วอารมณ์ขันของพ่อ ไม่มีแล้วความห่วงใยของพ่อที่เคยมีมาเกือบศตวรรษ
บอกตัวเองว่าเราต้องอยู่ได้สิ เราต้องเข้มแข็ง เราต้องยืนหยัดบนขาของตัวเองให้ได้
ครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงมีพระราชดำรัส ถึงความโศกเศร้าเสียใจในการจากไปของ สมเด็จย่า เมื่อครั้งท่านทรงพระประชวร และเสด็จสวรรคต ในครั้งนั้นสมเด็จย่าเคยรับสั่งว่า อย่าร้องไห้
เพราะความตายเป็นของธรรมดา
นี่คือฉากชีวิตที่เราทุกคนต้องพบเจอ...
2
ที่บริเวณท้องสนามหลวง และหน้าพระบรมมหาราชวัง กระแสคลื่นประชาชนจากทั่วทุกสารทิศเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่เช้ามืด
บ้างมาจากต่างจังหวัด
บ้างเป็นพนักงานออฟฟิศ
บ้างเป็นคนหาเช้ากินค่ำ
บ้างเป็นเศรษฐีรวยล้นฟ้า
บ้างเป็นนักเรียน นักศึกษา
หากหัวใจของทุกคนมุ่งมั่น ด้วยจิตแห่งความจงรักภักดีอันแรงกล้า
จิตแห่งความปรารถนาว่าจักต้องไปกราบถวายสักการะพ่อหลวงอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้
เสียงแห่งความจงรักภักดีอื้ออึง
ทุกย่างก้าวของผู้เข้าถวายสักการะก้าวราวไร้สิ้นเรี่ยวแรง
คราบน้ำตาซึ่งพรั่งพรูไหลไม่ขาดสาย
หากใต้เงาทะมึน กลับบังเกิดหน่ออ่อนแห่งความดีงามขึ้นมา
รอบสนามหลวงไม่ว่าจะมองไปทิศทางไหน แทบจะไม่มีพื้นที่ว่าง
เกือบทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยจิตอาสาที่พากันสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำกิจกรรมถวายพระองค์กันอย่างมากมาย
บ้างแจกอาหาร บ้างแจกน้ำ บ้างแจกขนม บ้างบริการรับย้อมเสื้อดำ บ้างรับอาสาขี่รถจักรยานยนตร์รับ-ส่งโดยไม่คิดค่าโดยสาร บ้างแจกยาดม ยาลม ยาหม่อง บ้างเก็บขยะที่ทิ้งไม่เป็นที่เป็นทาง ฯลฯ
ทุกคนทำด้วยจิตใจภักดีอันบริสุทธิ์ ปราศจากจิตแอบแฝง
แน่นอนว่าอาจจะมีบางกลุ่มที่อาศัยช่วงเวลาที่ปวงชนชาวไทยโศกเศร้าตักตวงผลประโยชน์ให้ตัวเอง
แต่หากเทียบสัดส่วนแล้ว คนทำความดีเพื่อถวายแด่พระองค์ท่านนั้นมีมากกว่าชนิดที่เทียบไม่ได้
นี่สินะ ความหมายของคำว่า 'ศูนย์รวมจิตใจของคนไทย'
3
ศศิกมล พุ่มนางแย้ม เป็นพลเมืองจิตอาสาที่มีบทบาทในการทำงานด้านสาธารณประโยชน์มาตั้งแต่ครั้งน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการรวมกลุ่มอาสาสมัครอิสระเพื่อรับของบริจาค และส่งต่อไปให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง
กลุ่มของเราชื่อกลุ่มอาสาดุสิต ที่ผ่านมาทำด้วยใจล้วน ๆ ไม่มีเงินเดือน ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ หลายคนทำงานโดยไม่บอกที่บ้าน ที่ทำกิจจกรมตอนนี้ เราเน้นการแจกน้ำ แจกอาหาร ตามความถนัด
"เราจะพยายามทำให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็อาจจะได้ไม่นานนักเพราะทำด้วยงบประมาณส่วนตัว ความตั้งใจของกลุ่มเรา คือ อยากมีส่วนร่วมในการส่งเสด็จในหลวงขึ้นสวรรค์ และคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะสามารถทำถวายพ่อของเราได้"
ระหว่างที่พูดคุยกัน เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ
ศศิกมล บอกด้วยว่า ประทับใจในแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.9 เพราะเป็นแนวทางที่ใครก็สามารถทำได้หากตั้งใจจริง
ในอนาคตหากไม่มีแรงทำงานด้านจิตอาสา ตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปทำการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวทางของพระองค์
"หนูอยากให้คนได้มาดู ได้มาเรียนรู้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในอนาคตที่เกิดมาจะไม่เจอพระองค์แล้ว ว่าพ่อของแผ่นดินสอนอะไรคนไทยไว้บ้าง..."
เธอพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาแห่งความตั้งใจจริง
4
ปกติจะมีแต่คนมาแจกของ แต่อาสาเก็บขยะจะมีจำนวนน้อย และเราก็เพิ่งเป็นบัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ ทุนทรัพย์ที่จะไปซื้อของมาแจกคนมาถวายความอาลัยก็มีจำนวนจำกัด ก็เลยคิดว่างานนี้น่าจะเหมาะกับเราที่สุดใช้เพียงกำลังใจและกำลังกาย มีแค่ค่ารถมาสนามหลวงก็สามารถทำดีเพื่อพ่อหลวงได้ ตั้งใจว่าจะทำให้นานที่สุดเท่าที่จะมีโอกาส
กันจ์ฤทัย อิทธิสถิตย์กุลชัย และพลอยนภา เขียวสำราญ 2 บัณฑิตใหม่พูดถึงความตั้งใจของตนที่จะในทำดีถวายความอาลัย
แม้ทั้งคู่จะเกิดไม่ทันในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงงานหนัก แต่ก็กล่าวว่าตนเองยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากงานที่พระองค์ทรงริเริ่มไว้ โดยเฉพาะโครงการหรือองค์ความรู้ในด้านการจัดการน้ำที่นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
ไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีกษัตริย์พระองค์ไหนที่จะทำให้ประชาชนมากขนาดนี้ สิ่งที่เรา 2 คนทำอยู่นี้จริง ๆ มันเล็กน้อยมาก แต่ก็คิดว่าอย่างน้อยก็ได้มีส่วนร่วมในการทำให้บ้านของพ่อสะอาด
ก่อนจบบทสนทนา น้องทั้ง 2 กล่าวว่า แม้ไม่เคยเจอพระองค์ท่าน แม้ไม่เคยเห็นพระพักตร์
แต่จากสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อคนไทยมาตลอด 70 ปี เรารู้สึกได้ว่า
ท่านคือดวงใจของเรา
5
อีกหนึ่งคำสอนที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ตรัสถึงบ่อยครั้งในพระราชพิธีต่าง ๆ ก็คือ
ความสามัคคีของคนในชาติ
โดยพระองค์เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของความสามัคคีว่าเป็นรากฐานของความเป็นชาติ
หากพระองค์ย้ำว่า ความสามัคคีไม่ใช่การให้ทุกคนคิดเหมือนกัน ขัดแย้งกันได้ แต่ต้องหาวิธีทำงานร่วมกันให้ได้
ดังพระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2536 ใจความว่า
"สามัคคีหรือการปรองดองกันไม่ได้หมายความว่า คนหนึ่งพูดอย่างหนึ่งคนอื่นต้องพูดเหมือนกันหมด ลงท้ายชีวิตก็ไม่มีความหมาย ต้องมีความแตกต่างกัน แต่ต้องทำงานให้สอดคล้องกัน แม้จะขัดกันบ้างแต่ต้องสอดคล้องกัน"
คำสอนดังกล่าวแม้จะผ่านมากว่า 20 ปี หากยังคงทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
ศุษณา ศรีกุศลานุกูล จิตอาสาที่มาร่วมทำงานถวายความอาลัย เป็นอีกหนึ่งคนที่น้อมนำคำสอนด้านความสามัคคีมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน กล่าวว่า
คำสอนของในหลวงไม่เคยตกยุค โดยเฉพาะเรื่องความสามัคคีของคนในชาติ สำหรับเราแล้วบางทีอาจจะใหญ่เกินตัว แต่เราก็สามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างความสามัคคี ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในองค์กรของเราได้
เธอย้ำว่าอยากให้คนไทยทุกคนนึกถึงคำสอนนี้มาก ๆ
และอยากให้หยุดความขัดแย้งเพื่อเป็นการถวายความอาลัยแด่พ่อหลวงของเรา
6
ยามเย็นขณะสายธารแห่งดวงตะวันกำลังอัสดง ที่หน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
หลายคนต่างร่วมกันชื่นชมความจงรักภักดีของนักศึกษากลุ่มหนึ่งซึ่งรวมตัวกันวาดภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พ่อหลวง ร.9 ตามแนวคิด "อัครศิลปิน" ถวายรำลึก
ภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์แต่ละภาพนั้นล้วนสะท้อนพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีและกีฬาอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นภาพขณะทรงจักรยานครั้งพระเยาว์ ภาพทรงโมเดลเรือ ภาพทรงถ่ายภาพ ภาพทรงแต่งเพลง ภาพทรงเปียโน ภาพทรงฝีพระหัตถ์ ภาพทรงเป่าแซกโซโฟน ภาพทรงเรือใบ ภาพทรงต่อเรือใบมด ตลอดจนภาพที่ทรงแย้มพระสรวล
ขณะนี้ภาพทั้งหมดได้นำไปติดที่กำแพงรั้วหน้ามหาวิทยาลัย ด้านถนนหน้าพระลาน ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา
ธานี บุญรอดเจริญ ประธานนักศึกษาปี 2 คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ เล่าถึงแนวคิดในการวาดภาพถวายรำลึกว่า
แรก ๆ เราคุยกันในหมู่เพื่อนเพียงไม่กี่คนว่าเราจะวาดภาพถวายในหลวง จากนั้นเราจึงไปปรึกษาอาจารย์ในคณะว่าควรวาดภาพพระองค์อย่างไร พอได้ข้อสรุปก็มีรุ่นพี่ คณะอาจารย์ เพื่อนคณะอื่น มาขอร่วมกันวาดภาพถวายรำลึก
"เราใช้เวลาวาดทั้งหมด 4 วัน ยอมรับว่าระหว่างนั้นพวกเราเหนื่อยมาก แต่ก็คิดว่าที่ผ่านมาพระองค์เหนื่อยกว่านี้หลายเท่า เพื่อพระองค์แล้วเหนื่อยแค่ไหนเราก็ต้องผ่านไปให้ได้
7
ประเทศไทยวันนี้ แม้ต่างจากวันวานอย่างมิอาจหวนคืน
แม้จะเต็มไปด้วยความหม่นหมอง และคราบน้ำตา
หากแต่ว่าคนในชาติก็ยังมีหัวใจดวงเดียวกัน
หัวใจแห่งความจงรักภักดี
หัวใจที่จะร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
บนสวรรคาลัย มาตรแม้นว่าพระองค์คงยืนฟังเสียงกู่ก้องร้องตะโกนแห่งความจงรักภักดี ที่พสกนิกรทั่วประเทศต่างร่วมถวายความอาลัย
ในทุก ๆ ช่วงโมงยามต่อจากนี้...เราไม่มีในหลวง รัชกาลที่ 9 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐอีกแล้ว แต่ชีวิตก็ยังคงมีวันพรุ่งนี้เสมอ เราทั้งหลายยังคงต้องก้าวเดินต่อไป มุ่งมั่นทำความดีดังคำสอนของพระองค์ท่าน
ความทรงจำอันล้ำค่าและแสนพิสุทธิ์นี้ จะอยู่ในใจปวงชนชาวไทยตลอดไปตราบนิจนิรันดร์
รวมข่าวและหมายกำหนดการงานพระบรมศพ รัชกาลที่ 9 หลังเสด็จสวรรคต