เผยเรื่องราวของ ดร.ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ แพทย์ผู้ถวายพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ...พระสหายคนแรกของพระองค์
วันนี้ (20 ตุลาคม 2559) ทีมงานกระปุกดอทคอม ขอหยิบข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ชมรมประวัติศาสตร์สยาม กับเรื่องราวความทรงจำของแพทย์ผู้ถวายพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้กลายเป็น "พระสหายคนแรก" ของพระองค์ โดยในวันนั้น เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่า "ในหลวง ร.9" จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่...พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ที่ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานถึง 70 ปี
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมาต์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยแพทย์ผู้ถวายการประสูติคือ ดร.ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ (Dr.W. Stewart Whittemore)
นายแพทย์สจ๊วต วิตต์มอร์ จดจำเรื่องราวของพระมหากษัตริย์ในวันพระบรมราชสมภพได้ทั้งหมด ดังที่บันทึกไว้ในวารสาร บอสตันโกลบ ฉบับปี 2503 โดยคุณหมอทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งหลัง ความว่า "พระองค์ทรงมีพระพลานามัยดีเยี่ยม หม่อมแม่ของพระองค์ ทรงเป็นคนไข้ที่ยอดเยี่ยมไม่ทรงบ่นใด ๆ"
ในเวลานั้นคุณหมอมิอาจทราบได้เลยว่า พระนามภาษาอังกฤษ "baby Songkla" ในบัตรพระประสูติกาลของโรงพยาบาลเมาต์ ออเบิร์น ใน 19 ปีต่อมาจากนั้น จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศสยาม ทั้งยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในไทย ที่มีพระประสูติกาล ณ สหรัฐอเมริกา และได้ทรงครองราชบัลลังก์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 70 ปี
วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงพยาบาลเมาต์ ออเบิร์น เมืองเคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเสตส์ สหรัฐอเมริกา สถานที่ซึ่งเป็นที่ทรงพระราชสมภพ โอกาสนี้ได้พระราชทานของที่ระลึกแก่ "พระสหายคนแรก" ดร.ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ นายแพทย์ผู้ถวายการประสูติ และแก่นางพยาบาลทั้ง 4 คน คือ
- มิสซิสเลสลี่ เลตัน
- มิสเจนีเวียฟ เวลด้อน
- มิสซิสมาร์กาเร็ท เฟย์
- มิสรูธ แฮริงตัน
เหตุการณ์ในวันนั้นมีบันทึกอยู่ในหนังสือเรื่อง "เสด็จพระราชดําเนิน: สหรัฐอเมริกา พุทธศักราช ๒๕๐๓, ปากีสถาน พุทธศักราช ๒๕๐๕, และ สหพันธรัฐมลายา พุทธศักราช ๒๕๐๕" พระนิพนธ์ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต มีความว่า
หมอชรา ดร.ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ ผู้ซึ่งถวายการประสูติ ที่ทรงพบครั้งแรกแล้วที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก่อนเสวยพระกระยาหารกลางวัน ได้รับพระราชทานหีบบุหรี่ถมทอง มีพระปรมาภิไธยข้างนอก และตัวหนังสือสลักไว้ข้างในว่า "ให้เพื่อนคนแรกของฉัน ดร.ดับบลิว. สจ๊วต วิตต์มอร์ เพื่อเป็น token of affectionate sentiment" จะแปลให้ถูกใจก็ไม่สำเร็จ เลยลอกภาษาฝรั่งให้ "ยาย" อ่านเอาเอง
หมอวิตต์มอร์ มาคอยรับเสด็จฯ พร้อมด้วยนางพยาบาล 4 คน ที่เมื่อ 32 ปีมาแล้วคงจะเป็นนางพยาบาลสาว ๆ สำเร็จใหม่ ตัวเล็กบอบบาง บัดนี้กลายเป็นนางพยาบาลแก่ ๆ สวมแว่นตาหนา ตัวอ้วน ๆ แต่ท่าทางยังตุ้งติ้ง ทั้ง 4 คน เมื่อพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานตลับแป้งถมทอง มีพระปรมาภิไธยที่ฝาตลับแก่ทุกคน และตรัสคล้าย ๆ ว่า "ต้องใช้บ้างนะ" คนหนึ่งก็เปิดฝาตลับแป้งขึ้นส่องกระจกในนั้น พลางทำตาหวานร้องว่า "จะใช้ตลอดชีวิต และจะนึกถึงท่านตลอดเวลา" อีกคนหนึ่งร้องว่า "You were such a nice baby !" พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงแย้มพระสรวล มีพระราชดำรัสตอบว่า "I hope I have grow into something nice too" ตอนนี้ทั้ง 4 คนก็เข้ามาใกล้พระองค์ ร้องว่า "Of course, of course" ดังลั่น เมื่อทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯ เลยไปทรงทักทายกับคนอื่นแล้ว แม่แก่ทั้ง 4 คนก็ยังคุยต่อไม่จบ เสียงแหลมทีเดียว หญิงอดไม่ได้ ก็เข้าไปยืนฟังใกล้ ๆ ต่างคนร้องว่า "ท่านช่างดีเหลือเกิน" "น่ารักเหลือเกิน" What a nice boy ! "ฉันจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย" มิสซิสเลตัน นึกถึงความหลัง ก็ทำตาลอยบอกกับคนที่มาหยุดฟังว่า "พระองค์ท่านเป็นทารกที่น่าเอ็นดูที่สุด พ่อแม่ของพระองค์ท่านทำตนเป็นคนธรรมดา ๆ ไม่ชอบเป่าแตร ตีกลอง"
ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินออกจากบอสตัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นักหนังสือพิมพ์อเมริกันเข้าเฝ้าฯ และพระราชทานสัมภาษณ์เป็นเวลานานอย่างไม่ถือพระองค์ ในช่วงหนึ่งของการพระราชทานสัมภาษณ์ นักหนังสือพิมพ์ได้กราบทูลฯ ถามความรู้สึกส่วนพระองค์ว่า "นี่เป็นการเสด็จฯ เยือนอเมริกาเป็นครั้งแรก ทรงรู้สึกอย่างไรบ้าง ?" พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า "ตื่นเต้นที่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด เพราะข้าพเจ้าเกิดที่นี่...ที่เมืองบอสตัน"
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมประวัติศาสตร์สยาม