x close

นายกฯ ชูศาสตร์พระราชา น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงพัฒนาชาติ

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

          นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านทีวี ไทยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ให้คำมั่นจัดพระราชพิธีพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ พร้อมชูศาสตร์พระราชา ยึดเศษฐกิจพอเพียงพัฒนาชาติ - ขอบคุณจิตอาสาช่วย ปชช.

          เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2559 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน" ที่เปลี่ยนแปลงมาจากรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศชาติ และพสกนิกรชาวไทย ได้ประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ คือ "พระมหากษัตริย์" ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความเมตตา อย่างสูงสุด แก่พสกนิกร และถึงพร้อมด้วยความเพียรอันบริสุทธิ์ ดุจ "พระมหาชนก" ซึ่งหากคนไทยทุกคน แบ่งปันความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน แม้เพียงเศษเสี้ยวความรักของพระองค์ ที่มีต่อประชาชน และมีความเพียรสร้างความดี ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนร่วม สังคม และประเทศชาติ คนไทย ก็จะเป็นคนที่มีความสุข ที่สุดในโลก "ประเทศไทย" ก็จะเป็นประเทศที่มีความเจริญ มั่นคง ที่สุดในโลกเช่นกัน

          นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชบัณฑูร ให้จัดการพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างสมพระเกียรติ และถูกต้องตามแบบแผนโบราณราชประเพณี ตลอดจนการก่อสร้างพระเมรุ และศาลาทรงธรรม สำหรับการประกอบพระราชพิธีพระบรมศพ พร้อมทั้งดูแลทุกข์สุขประชาชนในช่วงนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งรัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติภารกิจสำคัญยิ่งนี้ร่วมกับประชาชนชาวไทย ทุกภาคส่วน เพื่อให้การพระราชพิธีพระบรมศพ สมพระเกียรติ เทิดไว้ซึ่งพระเกียรติยศ และพระเกียรติภูมิอันสูงส่ง ตลอดจนขอให้คำมั่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ สานต่อพระราชภารกิจ และสนองพระปฐมบรมราชโองการ ที่ว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ด้วยความจงรักภักดี เสมอด้วยชีวิต ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และด้วยความวิริยะอุตสาหะ อย่างเต็มกำลังความสามารถ และสติปัญญา รวมทั้งขอปฏิญาณตนว่า จักจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่
          พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า แม้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะเสด็จสวรรคตแล้ว แต่ "พระราชดำริ" คือแนวคิดและปรัชญา "พระราชดำรัส" คือ คำสั่งสอน ตักเตือน ให้สติ "พระราชกรณียกิจ" คือ หลักการทรงงาน และ "พระราชจริยวัตร" คือ การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ปวงพสกนิกรชาวไทย ยังคงอยู่คู่แผ่นดินตลอดไป ซึ่งถือเป็น "ศาสตร์พระราชา" สามารถน้อมนำไปประยุกต์ใช้ ได้ในทุกระดับ เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งได้รับการยกย่อง ในเวทีระดับโลก และสอดคล้องกับ วาระของโลก ที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ คือ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ที่พระราชทานแก่ปวงชนมากว่า 40 ปี

          ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ย้ำว่า รัฐบาลตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่ผ่านมา ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาประยุกต์ใช้บริหารราชการในหลาย ๆ รูปแบบ  เช่น การจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัว จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สร้างภูมิคุ้มกัน และความไม่ประมาทต่อความเสี่ยงในอนาคต ลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคมสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ รายได้น้อย เป็นการส่งเสริมให้ประชาชน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้ในระดับครอบครัว ผ่อนคลายปัญหาระดับชาติ สอดคล้องกับหลักการทรงงาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการการแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆก่อน ตลอดจนมีการต่อยอด ขยายผล ไปสู่ระดับภูมิภาค และระดับโลก ทั้งในเวที G77, G20 และ ACD  นอกจากนี้ ยังมีเกี่ยวกับเรื่องบริหารจัดการน้ำด้วย ที่ยึดหลัก"น้ำคือชีวิต" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ ในการจัดทำเป็น แผนบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการทั้งระบบ ระยะยาว 12 ปี ตั้งแต่ "ต้นทาง – กลางทาง – ปลายทาง"

          นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ประชาชนทุกคน รวมทั้งจิตอาสา ที่ร่วมกับรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ในการอำนวยความสะดวกให้บริการแก่ประชาชนที่เดินทางมายังพระบรมมหาราชวัง เพื่อแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัฐบาลยืนยันจะดูแลประชาชนทั่วประเทศในการแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และอยากให้ประชาชนคนไทย มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยเหลือแบ่งปัน ทั้งในวันนี้ และในวันข้างหน้า

          ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในสังคม ย่อมความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่การตัดสินความเห็นต่างว่าผิดนั้นคงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง อยากให้ทุกคนมีหตุผล ในการตรวจสอบ มีสติ ไม่ใช้ศาลเตี้ย เพราะสังคมมีกระบวนการยุติธรรม หากทุกคนเคารพสิทธิ ซึ่งกันและกัน เคารพกระบวนการของศาลยุติธรรม สังคมก็จะมีความสงบสุข ไม่มีการขัดแย้ง ตลอดจนไม่หลงเชื่อข่าวลือ และไม่ขยายต่อ เพราะจะทำให้เกิดความสับสนเสียหาย แต่อยากให้ร่วมมือร่วมใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผ่านช่วงเวลาที่โศกเศร้าแสนสาหัสในครั้งนี้ กลับสู่สติที่มั่นคงและก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน เพื่อสืบสานพระราชปณิธานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชต่อไป

นายกฯ เดินหน้าโครงการพระราชดำริ

          พล.อ. ประยุทธิ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบเเห่งชาติ หรือ คสช.กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน" ว่า ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้นำเสนอผลสำเร็จ ในการพึ่งพาตนเอง สร้างความเข้มแข็ง ตั้งแต่ระดับฐานราก เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน มีความสมดุลในทุกมิติ รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ผ่าน "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาต่างๆ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 แห่ง ตามภูมิภาคที่แตกต่าง โดยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไม่มีสูตรตายตัวสำหรับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะแต่ละประเทศมีบริบท ขีดความสามารถ ข้อจำกัด ที่แตกต่างกันออกไป จึงจำเป็นต้องประยุกต์ใช้ ให้เหมาะสมกับตนเอง และสามารถแลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปัน ประสบการณ์และองค์ความรู้ เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง, เทคโนโลยี นวัตกรรม และพลังงาน "สีเขียว", เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

          ทั้งนี้ รัฐบาลจะสืบสานพระราชปณิธาน ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มีมากกว่า 4,000 โครงการ ทั่วประเทศ ให้ยังคงอยู่ และขยายศักยภาพ โดยนำหลักการบริหารของ "ศูนย์การเรียนรู้" ประกอบกับการแสวงประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีการจัดตั้ง "ศูนย์การเรียนรู้" ของกระทรวงต่าง ๆ เช่น ศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ของกระทรวงศึกษาธิการ จำนวนกว่า 7,000 แห่งทั่ว ประเทศศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 2,000 กว่าแห่ง เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล, นโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" และการสร้าง Smart Farmer ที่สำคัญ คือ การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ระยะ 5 ปี, 2559 ถึง 2564 บนพื้นฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประเทศมีระบบภูมิคุ้มกัน และสังคมไทยเป็นสังคมคุณภาพ

นายกฯ นำ "ศาสตร์พระราชา" สู่แผนบริหารจัดการน้ำ

          พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบเเห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน" ว่า สำหรับ "ศาสตร์พระราชา" ที่เกี่ยวกับน้ำพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงให้ความสนพระราชหฤทัย เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นพิเศษ เพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน มีประโยชน์สำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ในการช่วยให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี ทรงติดตามการปฏิบัติการฝนหลวง และได้พระราชทานตั้ง "ศูนย์ฝนหลวงพิเศษ" พร้อมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และคำแนะนำโครงการแก้มลิงเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย โดยให้จัดหาสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ เพื่อรองรับน้ำฝนไว้ชั่วคราว แล้วบริหารจัดการ "แก้มลิง" ทั้งระบบ อย่างบูรณาการ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สำหรับเป็นแหล่งน้ำอุปโภค บริโภคของประชาชน, แหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม และการเกษตรในพื้นที่ชลประทาน, แหล่งประมงน้ำจืดขนาดใหญ่และแหล่งเพาะพันธ์ปลา, ช่วยป้องกันอุทกภัยพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานครและปริมณฑลและ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริคลองลัดโพธิ์เป็นการบริหารจัดการน้ำ โดยบูรณาการงาน หลายหน่วยงาน

          ทั้งนี้ รัฐบาลได้น้อมนำแนวทางแก้ปัญหาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาจัดทำเป็น "แผนบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการทั้งระบบ" ระยะยาว 12 ปี ซึ่งเป็นการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่ "ต้นทาง – กลางทาง – ปลายทาง" เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศน์ และช่วยให้การบริหารจัดการน้ำ ทั้งในเขตและนอกเขตชลประทาน มีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ Agri Map เข้ามาช่วยในกระบวนการโซนนิ่ง, การทำเกษตรแปลงใหญ่, การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืช, การทำไร่นาสวนผสม เป็นต้น



ติดตามข่าว พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งหมด 

ภาพและข้อมูลจาก สำนักข่าว INN

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นายกฯ ชูศาสตร์พระราชา น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงพัฒนาชาติ อัปเดตล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2559 เวลา 11:38:39 3,019 อ่าน
TOP