วันที่ 7 มีนาคม 2560 นายประภาศ คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เปิดเผยว่า ในที่ประชุมนั้น คณะกรรมการได้พิจารณาข้อหารือทั่วไปของกรมสรรพากร เกี่ยวกับมาตรา 19 ประมวลรัษฎากร กรณีที่ผู้ยื่นแบบเสียภาษี แต่เสียภาษีไม่ครบ ซึ่งกรมสรรพากรมีอำนาจประเมินภาษีในระยะเวลา 10 ปี แต่ต้องออกหมายเรียกภายใน 5 ปี หากไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ก็จะไม่มีอำนาจการประเมินภาษีได้ และในกรณีหากกรมสรรพากรไม่ได้ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี จะสามารถขยายเวลาออกหมายเรียกตามอำนาจมาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง ของประมวลรัษฎากรได้หรือไม่
นายประภาศ ระบุว่า ทางคณะกรรมการ ได้พิจารณาตามประเด็นของกรมสรรพากรกรณีขยายเวลาหากไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ว่า ไม่สามารถขยายเวลาออกหมายเรียกได้ เพราะตามมาตรา 19 เขียนไว้ชัดเจนว่า ต้องให้กรมสรรพากรดำเนินการออกหมายเรียกภายใน 5 ปี เพราะต้องให้สรรพากรเร่งรัดตรวจสอบตามเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ มาตรา 3 อัฏฐ วรรคสอง การขยายเวลาการออกหมายเรียกจะต้องเป็นการให้คุณแก่ผู้เสียภาษี ไม่สามารถให้โทษกับผู้เสียภาษีได้
นายประภาศ กล่าวว่า การหารือนี้เป็นการหารือทั่วไปเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติกับผู้เสียภาษีทุกราย ไม่ได้เจาะจงกับการเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ซึ่งการเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ปเป็นหน้าที่ของกรมสรรพากรจะดำเนินการประเมินภาษีหรือไม่
นายประภาศ ระบุอีกว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไม่ออกหมายเรียกภายใน 5 ปี ทำให้ประเมินภาษีไม่ได้นั้น จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาว่าหากเจ้าหน้าที่รู้อยู่แล้วว่าต้องออกหมายเรียก แต่ไม่ดำเนินการ ก็จะมีความผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
อย่างไรก็ตาม กรณีการขายหุ้นชินคอร์ปของนายทักษิณ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2549 และต้องยื่นแบบภายใน 31 มีนาคม 2550 ซึ่งนายทักษิณ ไม่ได้แสดงรายได้จากการขายหุ้นเพื่อเสียภาษี โดยการประเมินภาษีจะหมดอายุความในวันที่ 31 มีนาคม 2560 ซึ่งก่อนหน้านี้ กรมสรรพากรไม่เคยออกหมายเรียกนายทักษิณภายใน 5 ปี
นายพิศิษฐ์ ระบุว่า หากไม่ขยายเวลา คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรต้องมีเหตุผลรองรับ เนื่องจาก สตง. พิจารณาจากมาตรา 3 อัฎฐ ประมวลรัษฎากร สามารถขยายเวลาออกไปสำหรับกรณีใดกรณีหนึ่ง ซึ่งมีเหตุสมควรต่อการจัดเก็บภาษี เพราะมีมูลค่าจัดเก็บภาษีจำนวนมาก ทั้งนี้หากผู้เกี่ยวข้องและกรมสรรพากรไม่ดำเนินการจัดเก็บภาษีและขยายเวลาออกไปนั้น อาจต้องมีความผิดตามมาตรา 154 และมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากละเลยการปฏิบัติหน้าที่ มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี และ สตง. ในฐานะผู้ติดตามและตรวจสอบจะทำหน้าที่ เพื่อนำเงินภาษีดังกล่าวมาใช้ประโยชน์
ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังกำชับกรมสรรพากรให้ติดตามประชุมหน่วยงานและรายงานต่อรัฐบาล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก