สั่งประหารขอทาน เผาทั้งเป็นแฟนสาว ลูกเจ้าของห้างดัง
เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลมีคำพิพากษาคดีที่อัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเฉลิมศักดิ์ หรือปลิว โพธิ์เจริญ อายุ 41 ปี ชาว จ.พิจิตร อาชีพเร่ร่อนขอทาน เป็นจำเลยในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำโดยทารุณโหดร้าย โจทก์ฟ้องและนำสืบว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 9 ม.ค.49 นายเฉลิมศักดิ์ใช้น้ำมันเบนซินราดตัว น.ส.ชนิดา นิยมวานิช หรือฮันนี่ อายุ 29 ปี หญิงคนรักซึ่งเป็นคนเร่ร่อนเช่นกัน ขณะนอนหลับอยู่ริมทางเท้าภายในสวนลุมพินี แล้วจุดไฟแช็กเผาทั้งเป็น เสียชีวิตอย่างทรมานระหว่างรักษาตัว
นายเฉลิมศักดิ์ให้การต่อสู้คดีว่า มีอาชีพขอทาน โดยแกล้งทำเป็นขาพิการอยู่ในสวมลุมพินีมานาน ก่อนเกิดเหตุไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ย่านพรานนก จากนั้นจึงกลับไปเร่ขอทานต่อที่สวนลุมพินี พบผู้ตายซึ่งเคยมีความสัมพันธ์ทางเพศมาก่อน เข้ามาต่อว่าเรื่องที่ไม่ยอมใส่รองเท้าที่ผู้ตายซื้อให้ จึงเกิดความโมโห ประกอบกับโกรธแค้นเรื่องที่ผู้ตายไปคบชู้กับนายยศ ไม่ทราบนามสกุล คนเช็ดกระจกรถยนต์ตามสี่แยก จึงเอาน้ำมันเบนซินที่เตรียมไว้ไปราดผู้ตายก่อนจุดไฟเผา โดยกระทำไปเพราะบันดาลโทสะ อีกทั้งเคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิต จึงมีจิตวิกลจริตเป็นบางครั้ง ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ก่อนเกิดเหตุนายเฉลิมศักดิ์ไปดื่มสุราจนมีอาการมึนเมา จึงกระทำความผิดโดยมิได้ไตร่ตรองยั้งคิด ประกอบกับการที่ใช้ น้ำมันราดผู้ตายแล้วจุดไฟเผา ย่อมเล็งเห็นว่า น.ส.ชนิดาย่อมไม่เสียชีวิตในทันที ขณะที่แพทย์ผู้รักษาเบิกความว่า ผู้ตายถูกไฟเผาร่างกายไป 90% นอกจากนี้ก่อนเสียชีวิตยังมีอาการทุรนทุราย นายเฉลิมศักดิ์จึงมีความผิดฐานฆ่าโดยทารุณโหดร้าย พิพากษาลงโทษประหารชีวิต แต่คำให้การมีประโยชน์มีเหตุบรรเทาโทษ จึงลงโทษจำคุก 50 ปี
สำหรับคดีดังกล่าวเป็นข่าวครึกโครม เพราะเป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยาย เนื่องจาก น.ส.ชนิดามีปูมหลังเป็นลูกเศรษฐีในตระกูลนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ และเป็นทายาทเจ้าของห้างดัง
