กระแสของโลกกำลังมุ่งไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาปรับใช้ในกระบวนการดำเนินงานทุกขั้นตอนเชื่อมโยงตั้งแต่การผลิตไปสู่การบริการ
การสื่อสาร ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวรองรับการแข่งขัน รัฐบาลปัจจุบันจึงได้กำหนดโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจว่าด้วย "ไทยแลนด์ 4.0" ที่จะขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจทุกภาคส่วนให้มีการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาปรับใช้ตั้งแต่อุตสาหกรรม
การค้า การบริการ การท่องเที่ยว เกษตรกรรมฯลฯ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบธุรกิจให้มีต้นทุนที่ต่ำลง
มีผลตอบแทนที่สูง เข้ากับยุคสมัยของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต
แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้หลายบริษัทมีการตื่นตัวในการปรับเปลี่ยนการบริหารธุรกิจใหม่
ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ต้องนำเครื่องมือ และเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสินค้าและบริการขององค์กร ซึ่งจะเป็นที่มาของการสร้างโอกาสใหม่ๆให้เกิดขึ้นในธุรกิจ
ที่สอดรับกับนโยบายการพัฒนาประเทศในระยะยาวภายใต้โมเดลไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
การปรับตัวธุรกิจให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของสังคมคนรุ่นใหม่ที่อยู่กับโลกโซเชียลมากขึ้นที่น่าจับตามองอีกบริษัทหนึ่งคือ
บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP ที่ล่าสุดมีการปรับโครงสร้างธุรกิจที่จะมุ่งสู่ธุรกิจดิจิทัล
อินโนเวชั่นมากขึ้น โดย "นายอนิศ โอสถานุเคราะห์" CEO แห่ง DCORP มองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเติบโตอย่างมีศักยภาพอีกธุรกิจหนึ่งของบริษัท
โดยล่าสุดให้ความสนใจในธุรกิจการเข้า พัฒนา "แอพพลิเคชั่น" ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี และการเข้าถึงของผู้ใช้ได้อย่างสะดวกและง่าย โดยบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัท บลูฟีนิกซ์ จำกัด จำนวน 30 % บริหารงานโดย "บริษัท ดีมีเตอร์ อินโนเวชั่น จำกัด" (DINNOVATION)ซึ่งบลูฟีนิกซ์ฯ ถือเป็นบริษัท Start-up ผู้พัฒนาฟินิกซ์ทีวี (Finix TV)ในรูปแบบการให้บริการ Live Streaming Platform ผ่านระบบ Internetที่สามารถใช้ได้ทุกอุปกรณ์การสื่อสารและทุกระบบปฎิบัติการ ไม่ว่าเป็น Android, iOS และ PC
การพัฒนา "แอพพลิเคชั่น ฟีนิกซ์ทีวี" จะเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกและเป็นแอพพลิเคชั่นเจ้าแรกของไทย
ที่ปัจจุบันมีผู้พัฒนาอยู่ 4-5 ราย ล้วนแล้วเป็นของต่างประเทศ บริษัทมั่นใจว่า
แอพพลิเคชั่น ที่จะเตรียมเปิดตัว ในเดือนกรกฎาคมนี้
จะเป็นแม่เหล็กที่สำคัญในการดึงดูดกลุ่มผู้เล่นที่จะเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มนี้
ทั้งเหล่า ดีเจที่เป็นเนตไอดอล ที่ขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาเข้ามาร่วมบนแอพฯนี้
แล้วกว่า 700 ราย
ทั้งนี้เนื้อหาของ "แอพพลิเคชั่น ฟีนิกซ์ทีวี" จะเป็นการ Live สด ที่จะมีการพัฒนาและต่อยอด โดยจะมีห้องต่างๆ สามารถเข้าชม เช่น ห้องข่าว
ห้องดนตรี ห้องแฟชั่น ห้องหมอดู ห้องตลก หรือห้องท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ขีดความสามารถของ "แอพพลิเคชั่น ฟีนิกซ์ทีวี" จะถูกพัฒนาขึ้นไปจนถึงขั้นสามารถรับชมคอนเสิร์ตผ่านระบบนี้ได้ และแอพพลิเคชั่นนี้เปิดให้มีการLive สดได้แล้วในขณะนี้ ส่วนการพัฒนารายการสาระ รวมถึงความบันเทิงอื่นๆ
อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ และสามารถเปิดให้เข้าชมได้ในระยะเวลาอันใกล้
บริษัทได้วางเป้าหมายของธุรกิจนี้จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
และสามารถกินส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจ Live TV Platform ให้ได้ 50% หรือประมาณ 1,700 ล้านบาท ในระยะเวลา 1
ปีหลังจากที่มีการเปิดให้บริการ