สุดยื้อ...น้องโฉ เหยื่อรุ่นน้องจ่อยิง เสียชีวิตแล้ว หลังพ่อตัดสินใจครั้งสุดท้าย ขอหมอให้หยุดจ่ายยากระตุ้นหัวใจ...เพราะไม่อยากให้ลูกทรมาน
จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ สิงห์สร หรือ โฉ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ถูกนายอภิชาติ เสริมสิน หรือ เทนนิส อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเดียวกัน ยิงคาห้องน้ำ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล และพบว่าสัญญาณชีพลดลงต่อเนื่อง ด้านพ่อแม่ร่ำไห้แทบขาดใจ ยื้อชีวิตลูกชายให้นานที่สุด ส่วนผู้ก่อเหตุอ้างไม่พอใจที่ถูกมองหน้า จึงใช้ปืนปากกายิงศีรษะนายณัฐวุฒิ ตามที่มีรายงานข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : พ่อแม่เด็กปี 3 ถูกยิงคาห้องน้ำมหาวิทยาลัย ร่ำไห้แทบขาดใจ วอนหมอยื้อชีวิตลูก)
ก่อนที่ต่อมา รุ่นน้องผู้ก่อเหตุจะถูกให้ประกันตัวออกไป โดยผู้เป็นแม่ได้ออกมาระบุว่า ลูกชายมีอาการทางจิตจากความเครียด และไม่ได้ทานยาต่อเนื่อง ทำให้ช่วงหลังมีอาการทางจิตหนักขึ้นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
ล่าสุด (11 สิงหาคม 2560) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้รายงานความคืบหน้าว่า น้องโฉ ได้เสียชีวิตแล้ว โดยนายเกรียงศักดิ์ พ่อน้องโฉ เปิดเผยว่า ตนได้แจ้งแพทย์ให้หยุดจ่ายยากระตุ้นหัวใจและความดันกับลูกชาย เนื่องจากแพทย์แจ้งตั้งแต่วันแรกแล้วว่าลูกชายอาการสาหัส สมองตายไม่สามารถให้ยาปฏิชีวนะใด ๆ ได้อีก ทำได้แค่จ่ายยากระตุ้นหัวใจเลี้ยงชีพจรเอาไว้เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยแจ้งแพทย์ให้หยุดจ่ายยากระตุ้นหัวใจไปแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็เปลี่ยนใจให้กลับมากระตุ้นใหม่ เพราะยังทำใจไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อยากให้ลูกทรมานอีก จึงตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่า หากลูกจะต้องจากไปจริง ๆ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ซึ่งชีพจรและความดันของน้องโฉก็ค่อย ๆ ลดต่ำลงจนกระทั่งเสียชีวิต
และในวันนี้ทีมแพทย์จะทำการผ่ากะโหลกศีรษะของน้องโฉ เพื่อนำชิ้นส่วนกระสุนที่ฝังอยู่ออกมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะส่งศพให้ทำการผ่าชันสูตรตามขั้นตอนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ (10 สิงหาคม) นายเกรียงศักดิ์ และ นางซ่อนกลิ่น สิงห์สร พ่อแม่ของน้องโฉ พร้อมทนายเกิดผล แก้วเกิด ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองนครปฐม เพื่อเจรจากับคู่กรณี และตัวแทนจากทางมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการเยียวยาครอบครัว โดยนางจันทร์ (นามสมมติ) แม่ของน้องเทนนิส ผู้ก่อเหตุ เดินทางมาพร้อมทนายความ ส่วนทางมหาวิทยาลัยส่งเจ้าหน้าที่นิติกรมาเป็นตัวแทนในการเจรจา
นางสาวโชติกา นิติธัญญกุล ทนายความของนางจันทร์ เปิดเผยว่า ได้ตกลงกับครอบครัวของน้องโฉว่าจะมอบเงินช่วยเหลืออีก 2 หมื่นบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้นำเงินไปมอบให้ทางครอบครัวผู้เสียหายแล้ว 2 หมื่นบาท ซึ่งนางจันทร์ค่อนข้างเครียดเนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเงิน เงินที่นำมาช่วยเหลือก็ต้องไปหยิบยืมมา แต่ก็เข้าใจเพราะลูกชายไปก่อเหตุ ทั้งนี้นางจันทร์ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใด ๆ กับผู้สื่อข่าว แต่ยินดีที่จะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวน้องเทนนิสตอนนี้ยังคงอยู่ในการดูแลของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ซึ่งดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีคดีความ
ด้านทนายเกิดผล แก้วเกิด เผยว่า การเจรจาครั้งนี้เพื่อหาแนวทางในการชดใช้เยียวยาครอบครัว ในเบื้องต้นไม่ได้มีการเรียกร้องจำนวนเงินเป็นตัวเลขที่แน่นอน เพราะตอนที่มีการเจรจากันน้องโฉยังไม่เสียชีวิต จึงยังไม่รู้ว่าจะต้องชดเชยให้ทางครอบครัวอย่างไร ซึ่งหลังจากที่น้องโฉเสียชีวิตแล้วจะต้องมาเจรจากันอีกครั้ง
เบื้องต้น ทางฝั่งคู่กรณียินยอมที่จะมอบเงิน 2 หมื่นบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เงินค่าเสียหายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงการช่วยเหลือเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนทางมหาวิทยาลัยก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะสามารถเยียวยาได้อย่างไร เพราะเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การจะเบิกจ่ายใด ๆ ต้องผ่านการประชุมของคณะผู้บริหาร แต่ทราบมาว่าทางคณะอาจารย์และเพื่อน ๆ ได้มีการเปิดบัญชีช่วยเหลือครอบครัวน้องโฉ รวบรวมเงินได้แล้วราว 4 หมื่นบาท
ส่วนทางคดีอาญา ทนายเกิดผล กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ รวมทั้งวัตถุพยานที่ตำรวจรวบรวมได้ก็มีความชัดเจน สำหรับประเด็นที่แม่น้องเทนนิสแย้งว่า ลูกชายมีอาการทางจิตนั้น พนักงานสอบสวนไม่ปักใจเชื่อ เพราะสอบปากคำน้องเทนนิสแล้วก็มีการโต้ตอบ เข้าใจทุกอย่าง จึงทำสำนวนดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะป่วยจริงหรือไม่นั้นศาลจะเป็นผู้ตัดสิน