STR / KCNA VIA KNS / AFP
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าทีคุกคามและแข็งกร้าวของเกาหลีเหนือได้สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง โดยในวันที่ 29 สิงหาคม 2560 เกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ข้ามเกาะฮอกไกโดในประเทศญี่ปุ่น และล่าสุด คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ก็ได้เยี่ยมชมการพัฒนาหัวรบเทอร์โบนิวเคลียร์หรือระเบิดไฮโดรเจน ซึ่งทางกองทัพเกาหลีเหนืออ้างว่าสามารถติดตั้งกับขีปนาวุธพิสัยไกลได้ และมันเป็น "ระเบิดนิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุด" เท่าที่เคยมีมา
ล่าสุด (4 กันยายน 2560) ทางสหรัฐอเมริกาก็ได้ออกมาตอบโต้ท่าทีดังกล่าวแล้ว โดยจากการรายงานของสำนักข่าวอัลจาซีรา ระบุว่า นายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศว่า ถ้าหากเกาหลีเหนือทำการคุกคามเขตแดนสหรัฐฯ หรือพันธมิตรไปยิ่งกว่านี้ กองทัพสหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการตอบโต้ทางทหารชนิด "ขั้นเด็ดขาด" กับเกาหลีเหนืออย่างแน่นอน
นายเจมส์ แมตทิส (ซ้าย) ภาพจาก NICHOLAS KAMM / AFP
นายเจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ เตรียมดำเนินการทางทหารขั้นเด็ดขาดกับเกาหลีเหนือ
"สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีความเห็นเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์ ซึ่งคิมจองอึนก็ควรรับฟังเสียงเตือนนี้"
"ถ้าหากมีการคุกคามสหรัฐฯ หรือดินแดนอื่น ๆ ของสหรัฐฯ รวมทั้งเกาะกวมแล้วละก็ สหรัฐฯ และพันธมิตรจะใช้กำลังทหารตอบโต้อย่างเด็ดขาด และมันจะเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงและมีประสิทธิภาพ เราไม่ได้ต้องการทำลายล้างเกาหลีเหนือให้ราบคาบ แต่ผมขอบอกเลยว่า เรามีทางเลือกหลายอย่างให้ทำ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าว
ในขณะเดียวกัน สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ก็ได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และได้เรียกร้องให้กองทัพเสริมสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธให้แข็งแกร่งกว่าเดิม
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ดังกล่าวแล้ว ซึ่งเขาได้กล่าวว่า ช่วงเวลาแห่งการ "ประนีประนอม" ได้หมดสิ้นลงแล้ว และต่อไปนี้จะเป็นการเดินหน้าคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจแบบจริงจัง และจะกดดันจีนมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อหวังให้จีนใช้อำนาจจัดการประเทศเพื่อนบ้านที่คุกคามนี้
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เขากำลังพิจารณาเรื่องยุติการทำการค้ากับประเทศใด ๆ ก็ตามที่เป็นมิตรกับเกาหลีเหนือ ซึ่งมันเป็นความท้าทายระดับทวิภาคีครั้งใหญ่ เนื่องจากสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากจีนปีละกว่า 1.3 ล้านล้านบาท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่อให้มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจขึ้นจริง คาดว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมากนัก
ข้อมูลจาก theguardian.com, aljazeera.com