สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
ความคืบหน้ากรณีที่ นายปพน วงศ์ตระกูล เจ้าของธุรกิจคาร์แคร์ - ประดับยนต์ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ว่ารถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด สีบอนซ์เงิน หายไปจากลานจอดรถชั้นที่ 3 ห้างฟิวเจอร์พาร์ค ถนนพระราม 3 แขวงบางคอแหลม เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ต่อมานายปพน พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวถูกปลอมแปลงแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง จอดอยู่บนลานจอดรถชั้นที่ 3 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมีบัตรข้าราชการตำรวจระบุชื่อ พ.ต.ท.ชาญชัย งามธุระ สว.กอ.รมน.แขวนอยู่ในรถนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (30 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวนายปพน เข้ามาดูรถและสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังจากให้การเป็นที่เรียบร้อยแล้วนายปพนเปิดเผยต่อกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้สั่งซื้อรถคันดังกล่าวมาจากบริษัทวีเทค ย่านสาทร ผ่านนายชูเกียรติ ในราคาคันละ 3 ล้านบาท ในวันที่เกิดเหตุประมาณ 09.00 น.ได้ขับรถคันดังกล่าวขึ้นมาจอดบนลานจอดรถล็อก พี 3 ชั้นที่ 3 ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค ซึ่งอยู่ห่างจากร้านสตาร์คาร์แคร์ของตนเพียงไม่ถึง 10 เมตร จากนั้นก็ลงจากรถเข้าไปเซ็นเอกสารในออฟฟิศที่ตั้งอยู่ในห้าง สักพัก น.ส.พิณ (นามสมมติ) พนักงานที่ร้านโทรศัพท์มาสอบถามว่า ได้ใช้ใครให้มาขับรถออกไปหรือไม่ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ตกใจและพยายามวิ่งลงไปสกัดที่ป้อมยามด้านล่างของอาคารแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
จากนั้น น.ส.พิณ เล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุมีชายฉกรรจ์ 2 คน คนหนึ่งรูปร่างสันทัด ไว้หนวดเครา สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ อีกคนเป็นชายรูปร่างสูงสวมชุดซาฟารี เดินมาใช้กุญแจรีโมทกดเปิดประตูรถ ก่อนจะใช้กุญแจไขสตาร์ทขับออกไป ซึ่ง น.ส.พิณ คิดว่าทั้งสองเป็นคนขับรถที่รับมาใหม่จึงไม่ได้เอะใจตั้งแต่แรก ซึ่งหลังเกิดเหตุตนได้ไปขอดูภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดของทางห้าง พบชายที่มีลักษณะต้องสงสัยทั้งสองคนมาป้วนเปี้ยนอยู่ในห้างจริงจึงได้ก๊อบปี้เทปไปมอบให้ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว
นายปพน กล่าวด้วยว่า บริษัทวีเทคที่ติดต่อขอซื้อรถมานั้นปิดทำการไปแล้ว โดยตอนที่ไปติดต่อขอซื้อนายชูเกียรติได้อ้างว่า บริษัทมีรถรุ่นดังกล่าวเพียงคันเดียว อีกทั้งยังมีคนจองอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการจริงๆ ก็สามารถจะหาให้ได้อีกคันจึงตกลงทำสัญญาซื้อขายด้วย แต่เมื่อถึงเวลาส่งมอบรถเจ้าหน้าที่ของบริษัทกลับมอบกุญแจมาให้เพียงดอกเดียว ทั้งที่น่าจะมี 3 ดอกเหมือนอย่างที่คนทั่วไปซื้อกัน ซึ่งในขณะนี้ก็เริ่มเอะใจว่าบริษัทวีเทคจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง นายปพน กับ พ.ต.ท.ชาญชัย ว่ารู้จักคุ้นเคยกันมาก่อนหรือไม่นั้น นายปพน ยืนยันว่า เพิ่งจะรู้จักกันประมาณ 1 เดือน ในฐานะสมาชิกของกลุ่มกรุงเทพ 50 ด้วยกัน แต่ไม่สนิท จนมาพบว่า พ.ต.ท.ชาญชัย ขับรถรุ่นอัลพาร์ด สีเดียวกับของตนที่หายไปมาเข้าร่วมประชุมกลุ่มถึง 3 ครั้ง เมื่อเข้าไปตรวจสอบตำหนิรอบคันรถโดยเฉพาะบริเวณแผ่นฟิล์มกรองแสง ซึ่งทำตำหนิตามเทคนิคของช่างติดฟิล์มไว้ จึงมั่นใจว่าต้องเป็นรถของตนแน่นอน ต่างกันแค่หมายเลขทะเบียนป้ายแดงที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมาเท่านั้น จึงเดินทางเข้าแจ้งความและติดต่อพนักงานของบริษัทธนชาติประกันภัยให้นำกุญแจรีโมทมาทดลองเปิดรถ
ขณะที่ พ.ต.ท.ชาญชัย ยังดำรงตำแหน่งอยู่ที่ บก.ป. โดย พ.ต.ท.ชาญชัย อ้างว่า ได้ยึดรถคันดังกล่าวมาจากย่านเมืองทองธานี และส่งมอบให้พนักงานสอบสวนกองปราบฯ ไปแล้ว แต่ไม่มีที่จอดของกลางจึงถือวิสาสะนำมาใช้เป็นรถส่วนตัว
ข้อมูลจาก
