ภาพจาก Alexey NIKOLSKY / SPUTNIK / AFP
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอูด กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบีย เสด็จพระราชดำเนินเยือนพระราชวังเครมลิน ณ กรุงมอสโก นครหลวงของประเทศรัสเซีย เพื่อหารือกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ในเรื่องความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างสองประเทศ โดยพระองค์นับเป็นกษัตริย์ซาอุดีอาระเบียพระองค์แรกในประวัติศาสตร์ ที่มาเยี่ยมเยือนรัสเซีย
ภาพจาก Alexey NIKOLSKY / SPUTNIK / AFP
โดยสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ทรงมีพระราชดำรัสว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียมีมุมมองที่คล้ายคลึงกันในด้านปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคและในระดับนานาประเทศ ความร่วมมือในระดับทวิภาคีจะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น สำหรับหัวข้อหลัก ๆ ในการหารือครั้งนี้ สามารถสรุปได้เป็นประเด็นดังต่อไปนี้
1. ความขัดแย้งในซีเรีย
ในเรื่องปัญหาการก่อการร้าย สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงเล็งเห็นว่า นานาชาติควรจริงจังกับการยื่นมือเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยควรร่วมมือกันเพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายและตัดแหล่งเงินทุนสนับสนุนกลุ่มเหล่านั้น และสำหรับซีเรีย พระองค์ทรงชี้ว่า การแก้ไขปัญหาในซีเรียควรตัดสินด้วยวิธีทางการเมือง ซึ่งมันสามารถมั่นใจได้ว่าจะนำมาซึ่งความมั่นคงและเสถียรภาพ การนี้ พระองค์ได้เรียกร้องให้มีการใช้ข้อตกลงเจนีวา-1 และมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 2554
"ข้าพเจ้าเล็งเห็นว่าต้องมีการแก้ปัญหาทางการเมืองในซีเรีย ซึ่งจะสามารถรับประกันถึงความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนซีเรีย"
2. ตลาดน้ำมันโลก
ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในตลาดน้ำมันโลก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก โดยสองประเทศเล็งเห็นว่าจะลดอัตราการผลิตน้ำมันดิบลง เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
นอกจากนี้ รัสเซียและซาอุดีอาระเบียจะมองหาโอกาสขยายการลงทุนร่วมกัน และกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไปอีก โดยทั้งสองประเทศได้เริ่มโครงการความร่วมมือด้านพลังงาน ภายใต้เงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท โครงการนี้ประกอบไปด้วยโครงการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ และโครงการปิโตรเคมี
สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงลงนามในสัญญาความร่วมมือทางทหารกับรัสเซีย โดยโรโซโบโรเท็กซ์ปอร์ต ผู้ผลิตอาวุธรายสำคัญของรัสเซีย จะทำการจัดส่งอาวุยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับกองทัพซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีตั้งแต่ ระบบขีปนาวุธป้องกันทางอากาศ S-400, ขีปนาวุธต่อต้านรถถังแบบ Kornet, ปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟ AK-103 และตัวติดตั้งขีปนาวุธอีกหลายชนิด
ภาพจาก Yuri KADOBNOV / POOL / AFP
4. พลังงานนิวเคลียร์
นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของรัสเซีย และประธานคณะกรรมการร่วมระหว่างรัฐบาลรัสเซีย-ซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ทั้งสองประเทศมีศักยภาพมหาศาลในการร่วมมือกันเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ โดยซาอุดีอาระเบียกำลังวางแผนสร้างระบบพลังงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งมันจะสามารถกลายเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานพื้นฐานของประเทศได้ และมันจะช่วยเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรม นวัตกรรม และเทคโนโลยีต่าง ๆ
ภาพจาก Yuri KADOBNOV / POOL / AFP
ภาพจาก Yuri KADOBNOV / POOL / AFP
ภาพจาก Yuri KADOBNOV / POOL / AFP