ครอบครัวช็อก ทารกแรกคลอดหวิดถูกฝังทั้งเป็น หลัง รพ. แจ้งเด็กไม่รอดหลังคลอด

          ครอบครัวช็อก คลอดทารกแฝดที่โรงพยาบาลในอินเดีย แต่แพทย์แจ้งเด็กไม่รอด รับศพกลับบ้านกำลังจะนำไปฝัง จึงสังเกตเห็นหนึ่งในคู่แฝดขยับได้ และยังมีลมหายใจ

          วันที่ 2 ธันวาคม 2560 เว็บไซต์ hindustantimes.com มีรายงานว่า แม่ชาวอินเดียวัย 20 ปี มีอันต้องใจสลายหลังจากที่ได้ทราบจากแพทย์ว่า ทารกแฝดชาย-หญิงของเธอ ได้เสียชีวิตหลังจากคลอด อย่างไรก็ตามหลังจากทางโรงพยาบาลนำร่างเด็กทั้งคู่ใส่ถุงพลาสติกให้ครอบครัว เพื่อนำไปทำพิธีฝัง พวกเขากลับพบว่าที่จริงแล้วหนึ่งในทารกนั้นยังมีชีวิตอยู่
          โดยรายงานเผยว่า แม่รายนี้ซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์สัปดาห์ที่ 22 ได้ถูกส่งตัวมาทำคลอดที่โรงพยาบาล Max Hospital Shalimar Bagh ในเมืองเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งแพทย์ก็ได้ให้เธอทำคลอดฉุกเฉินในวันที่ 30 พฤศจิกายน เนื่องจากการตั้งครรภ์อาจเกิดอันตรายต่อผู้เป็นแม่ อย่างไรก็ตามแพทย์พบว่าทารกหญิงนั้นเสียชีวิตทันทีหลังคลอด ขณะที่ทารกชายอยู่ในสภาพวิกฤต ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจพยุงชีพ แต่ก็มีโอกาสที่จะรอดชีวิต

          ทว่าในค่ำวันนั้นเอง แพทย์ก็ได้แจ้งต่อพ่อแม่เด็กว่าเด็กชายได้เสียชีวิตแล้วเช่นกัน ซึ่งทางโรงพยาบาลได้นำร่างของเด็กใส่ถุงพลาสติกเพื่อให้ครอบครัวนำกลับไปทำพิธีตามศาสนา

          ด้านปู่ของทารกแฝด เผยว่า หลังจากได้ร่างของเด็กมาพวกเขาก็รีบเดินทางกลับบ้าน แต่ระหว่างทางนั้นพวกเขาก็ได้สังเกตเห็นว่ามีอะไรขยับอยู่ในถุงพลาสติก จึงได้เปิดออกดู แล้วก็พบว่าหนึ่งในทารกแฝดนั้นยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาเพิ่งรู้ว่าหลานยังมีลมหายใจในเวลา 6 ชั่วโมงหลังจากที่แพทย์บอกว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว


          เมื่อเห็นเช่นนั้น ครอบครัวของเด็กรีบพาตัวทารกชายไปยังโรงพยาบาลอีกแห่งในทันที ซึ่งพวกเขาก็ได้รับการยืนยันว่าทารกยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ แต่ก็อยู่ในอาการสาหัส โดยในตอนนี้เด็กก็ยังคงอยู่ในความดูแลของแพทย์ ขณะที่ทางญาติได้นำเรื่องดังกล่าวแจ้งต่อตำรวจ เพื่อดำเนินคดีต่อโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ซึ่งเกือบจะทำให้ทารกรายนี้ถูกฝังร่างไปทั้งเป็น

          ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลได้ชี้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งทางโรงพยาบาลรู้สึกตกใจและวิตกกังวลอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลได้เริ่มการสอบสวนเรื่องนี้ รวมถึงให้เจ้าหน้าที่กับแพทย์ที่เกี่ยวข้องออกจากงานแล้ว

ภาพจาก aajtak.intoday.in
ข้อมูลจาก ndtv.com, tribuneindia.com, aajtak.intoday.in