หิมะสีดำในเมืองเตเมียร์เตา เมืองอุตสาหกรรมในคาซัคสถาน สะท้อนให้เห็นถึงปัญหามลพิษทางอากาศที่อยู่ในระดับอันตราย ชาวเมืองเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบ หวั่นเด็ก ๆ ได้รับผลกระทบด้านสุขภาพ
เมืองเตเมียร์เตา ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลาง ค่อนไปทางเหนือของประเทศคาซัคสถาน คือหนึ่งในหลาย ๆ เมืองทั่วโลกที่ได้พบหิมะในช่วงฤดูหนาว แต่หิมะที่นี่แตกต่างไปจากที่อื่น แทนที่มันจะเป็นสีขาวเนียนสะอาดตา มันกลับเป็นสีดำเหมือนถ่าน สาเหตุเพราะฝุ่นผงลึกลับที่ปกคลุมทั่วเมืองตั้งแต่วันแรก ๆ ของปี 2561 และมันคือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าปัญหามลพิษคือสิ่งที่ร้ายแรงกว่าที่ทุกคนคิด
ประเด็นเรื่อง หิมะสีดำ ในเมืองแห่งนี้ ถูกหยิบยกมาเปิดเผยโดยสำนักข่าว สำนักข่าวบีบีซี เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2561 เตเมียร์เตา คือศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กของคาซัคสถาน โดย บริษัท ArcelorMittal Temirtau ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเครือ ArcelorMittal หนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมของโลก ก็ได้ตั้งศูนย์การผลิตเหล็กที่นี่ และมันคือโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย ชาวเมืองเตเมียร์เตาเชื่อว่ากระบวนการผลิตของบริษัทนี้ได้ก่อให้เกิดฝุ่นผงปริศนาปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง และเปลี่ยนหิมะสีขาวให้กลายเป็นสีดำ
ภาพที่ถูกแชร์ลงบนโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นว่าหิมะในเมืองเตเมียร์เตานั้นมีสีเทาเข้มจนถึงสีดำอย่างชัดเจน เมื่อมันสัมผัสถูกเสื้อผ้าหรือผิวหนัง ก็จะกลายเป็นสีดำราวกับไปสัมผัสโดนเขม่า หิมะสีดำนี้ได้สร้างความกังวลแก่ประชาชนในเมืองเป็นอย่างมาก พวกเขาได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นเร่งทำการสืบสวนเพื่อหาทางแก้ไข เพราะการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางมลพิษแบบนี้ คือภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพไปทุก ๆ วัน
สถิติเมื่อปี 2559 เผยว่า ภูมิภาคคารากันดา ที่ซึ่งเมืองเตเมียร์เตาตั้งอยู่ ถูกจัดเป็นภูมิภาคที่ปลดปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยเฉพาะปี 2559 เพียงปีเดียว มลพิษอันตรายที่ถูกปล่อยออกสู่อากาศ มีจำนวนมากถึง 600,000 ตัน ต่อมาในปี 2560 หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของคาซัคสถาน ได้ทำการตรวจวัดระดับไฮโดรเจนซัลไฟด์ ในเมืองเตเมียร์เตา และพบว่ามันเกินขีดจำกัดที่รัฐบาลกำหนดไปถึง 11 เท่า
ด้าน ArcelorMittal Temirtau เจ้าของโรงงานการผลิตเหล็กขนาดใหญ่ในเมือง ก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่ามลพิษจากโรงงานของพวกเขาคือสาเหตุหลักที่ทำให้หิมะกลายเป็นสีดำ แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าพวกเขาได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบใด ๆ หรือไม่