วันที่ 17 มกราคม 2561 มีรายงานว่า เสก โลโซ หรือ นายเสกสรรค์ สุขพิมาย พร้อมด้วย อีฟ อภิสร์ญา พัฒนวรทรัพย์ แฟนสาว และนายมงคลวิจิตร ธนโสภณ ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดียาเสพติด หลังตรวจพบปัสสาวะสีม่วง ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยขณะเดินทางมายัง สน.คันนายาว เสกได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมารับทราบข้อกล่าวหา และเบื้องต้นจะให้การภาคเสธ ซึ่งเสกมีสีหน้ายิ้มแย้ม อารมณ์ดี และได้พูดคุยทักทายสื่อมวลชน ก่อนเข้าพบ พ.ต.ต ยุทธศิลป์ พละสาร สารวัตร (สอบสวน) สน.คันนายาว
โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเสกได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า....
"วันนี้ตนเดินทางมารับทราบข้อหาและให้การภาคเสธทุกข้อกล่าวหา โดยหลังจากนี้ตนจะให้ทนายความนำหลักฐานเกี่ยวกับยา รวมถึงใบรับรองแพทย์มายื่นต่อพนักงานสอบสวน ในวันที่ 24 มกราคม นี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ พร้อมกับขอโทษประชาชนคนไทยที่ทำให้รู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องข่าวของตน ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีหรือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับเยาวชนอย่างแน่นอน"
ทั้งนี้ เสก ยังเปิดเผยว่า ตนไม่มีความกังวลใจในส่วนของคดีความทั้งหมดและมั่นใจในหลักฐานที่มี เนื่องจากวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นที่บ้านพัก ไม่พบอุปกรณ์การเสพ และยาเสพติด รวมถึงผลปัสสาวะของแฟนสาวด้วย
ด้านพนักงานสอบสวนได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยให้การว่าเกิดจากการกินยารักษาโรคไบโพลาร์ และจะนำตัวยารักษาโรคไบโพลาร์ พร้อมใบรับรองแพทย์ ของ รพ.วิชัยยุทธ มามอบให้พนักงานสอบสวนในวันที่ 24 มกราคม จากนั้นต้องนำตัวยาดังกล่าวส่งตรวจพิสูจน์ เป็นการพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เมื่อได้ผลการพิสูจน์แล้ว จึงสามารถสรุปสำนวนการสอบสวน เสนอพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 12 พิจารณาต่อไป
ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าหน้าที่พนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธปืน, เสพยาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่ง เมทแอมเฟาตามีน (ยาบ้าหรือยาไอซ์) และเมตาโบไลน์ (หรือยาอี) โดยผิดกฎหมาย
ในส่วนของเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติดจะต้องทำการสืบสวนต่อไป เนื่องจากตามกฎหมายผู้เสพคือผู้ป่วย ต้องได้รับการบำบัดและต้องทำการขยายผล เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องหรือสมคบกันบ้าง สำหรับผู้ค้าผู้ขายยาเสพติด สน. คันนายาว จะได้ดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและใช้มาตรการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เป็นต้น ดำเนินการยึดทรัพย์ คดีนี้แม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ข้อมูลรายละเอียดพอสมควร เช่น จาก พล.ต.ต. ประสพโชค พร้อมมูล ซึ่งเป็นผู้ที่พาผู้ต้องหาไปบำบัดการติดยาเสพติดตามที่เป็นข่าวมาแล้ว จะได้สืบสวนต่อไป
ส่วนในเรื่องที่เสกจะฟ้องร้องเกี่ยวกับทำให้เสียทรัพย์ เรียกร้องค่าเสียหายจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกบ้านนั้น ก็สามารถทำได้ แต่ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่และถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากผู้ต้องหาจะฟ้องคดีแพ่งต่อศาลก็สามารถทำได้ ซึ่งทางเราก็พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลเพื่อต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN