ผลตรวจสอบเครื่องบินรัสเซียตก คาดน้ำแข็งเกาะเครื่องวัดความเร็วลม จนเกิดขัดข้อง ทำนักบินได้รับข้อมูลผิด รายงานเผย เครื่องบินแสดงอาการผิดปกติ ตั้งแต่เทคออฟไปแค่ 2-3 นาที เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2561
เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะกรรมการการบินระหว่างรัฐของรัสเซีย หรือ ไอเอซี (IAC - The Interstate Aviation Committee) ได้ทำการตรวจสอบกรณีที่ครื่องบินอันโตนอฟ 148 (Antonov An-148) ของสายการบิน Saratov Airlines เที่ยวบิน 6W703 หายไปจากเรดาร์ ก่อนจะร่วงตกลงกระแทกพื้น ในพื้นที่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 80 กิโลเมตร
ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือ รวม 71 ราย เสียชีวิตทั้งลำ โดยผลจากการสืบสวน คาดว่าอุปกรณ์วัดความเร็วลมถูกน้ำแข็งปกคลุม ส่งผลให้นักบินได้รับข้อมูลความเร็วลมของเครื่องบินผิดพลาด
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ
สภาพอากาศค่อนข้างดีและโปร่ง
นักบินจึงไม่ได้ทำการละลายน้ำแข็งที่เกาะบนตัวเครื่องบินก่อนออกเดินทาง
และข้อมูลจากไอเอซี เผยว่า หลังจากที่เครื่องบินเทคออฟไปได้ประมาณ 2-3 นาที
เค้าลางของปัญหาก็เริ่มปรากฏ โดยขณะที่กำลังไต่ระดับอยู่ที่ความสูง 1,300
เมตร หรือ 4,260 ฟุต นั้น หน้าจอแสดงผลเผยถึงความผิดปกติ
เพราะความเร็วที่วัดได้มีความแตกต่างกันมาก ระบบการบินอัตโนมัติ หรือ
ออโต้ไพลอต (Autopilot) ไม่สามารถทำงานได้
เครื่องบินสูญเสียการควบคุมอย่างรวดเร็ว และตกลงกระแทกพื้นในเวลา 11.27 น.
ตามเวลาท้องถิ่น
ภาพจาก Handout / RUSSIAN EMERGENCY MINISTRY / AFP
"สาเหตุที่เครื่องบินลำดังกล่าวประสบอุบัติเหตุ
คาดว่าเกิดจากนักบินได้รับข้อมูลความเร็วลมที่ผิดพลาด
เนื่องจากมีน้ำแข็งปกคลุมท่อปิโตต์ (อุปกรณ์วัดความเร็วลม)
ขณะที่ระบบทำความร้อนถูกปิด"
เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการการบินระหว่างรัฐของรัสเซีย หรือ ไอเอซี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าท่อปิโตต์ที่ถูกน้ำแข็งปกคลุม
คือสาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ โดยไอเอซีกล่าวว่า
เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องค้นหาชิ้นส่วนของท่อปิโตต์ เพื่อนำไปตรวจสอบดูว่ามันทำงานผิดพลาดหรือไม่
และจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลการบิน
และบทสนทนาของนักบินที่บันทึกอยู่ในกล่องดำอีกครั้ง
เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ภาพจาก
เฟซบุ๊ก A Fly Guy's Cabin Crew Lounge