พ่อรอดคุก หลังลูก 8 ขวบถูกจับยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ลักลอบพาข้ามชายแดน

            พ่อรอดคุก หลังลูกชาย 8 ขวบถูกจับยัดใส่กระเป๋าเดินทาง ลักลอบพาข้ามชายแดน สุดโล่งใจจากนี้จะได้อยู่ด้วยกันเสียที หลังต้องจากลูกมาเนิ่นนานหลายปี

            กลายเป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงอย่างหนักในช่วงกลางปี 2558 เมื่อเจ้าหน้าที่ประจำชายแดนของประเทศสเปน ได้พบเด็กชายวัย 8 ขวบ ซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าเดินทางขณะพยายามลักลอบเข้าประเทศ ซึ่งจากภาพเอกซเรย์กระเป๋าเผยให้เห็นเงาของเด็กชายที่อยู่ในท่าขดตัว เจ้าหน้าที่จึงรีบเปิดกระเป๋าเพื่อนำตัวเด็กชายที่อยู่ในสภาพอิดโรยออกมา โดยพบว่าเจ้าของกระเป๋าเดินทางดังกล่าวเป็นหญิงสาวรายหนึ่ง ที่พยายามจะลักลอบนำเด็กชายจากประเทศไอวอรี่โคสต์ ข้ามพรมแดนจากประเทศโมร็อกโก เข้าไปยังประเทศสเปน ส่วนพ่อเด็กถูกจับกุมได้หลังจากนั้นไม่นาน
            ขณะที่ล่าสุด (20 กุมภาพันธ์ 2561) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายอาลี อูอัตทารา วัย 45 ปี ผู้เป็นพ่อของเด็กชายคนดังกล่าว ได้ถูกนำตัวเข้ารับฟังคำพิจารณาคดีในศาลที่เมืองเซวตา หลังอัยการต้องการให้ศาลสั่งจำคุกชายคนนี้ ฐานอำนวยความสะดวกให้ลูกชายเดินทางข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย และก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของเด็ก อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาขาดหลักฐานมาสนับสนุนข้อกล่าวหา ว่าพ่อเด็กมีส่วนรู้เห็นกับแก๊งค้ามนุษย์ในการนำตัวเด็กชายซ่อนในกระเป๋าเดินทาง สุดท้ายนายอาลีจึงรอดพ้นโทษจำคุกไปในที่สุด โดยจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 92 ยูโร (ราว 3,500 บาท) แทน

            ทางด้านเด็กชาย ซึ่งขณะนี้มีอายุ 10 ขวบ ได้เดินทางมาร่วมเป็นพยานในการพิจารณาคดีครั้งนี้ด้วย โดยเขาเผยกับสื่อว่า ทั้งเขาและพ่อไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ว่ากลุ่มคนที่พาเขาข้ามแดน จะจับตัวเขาใส่ในกระเป๋าเดินทาง ตอนที่ต้องทนอยู่ในกระเป๋าเดินทางนั้นเขาหายใจได้ลำบากมาก


            ทั้งนี้รายงานเปิดเผยว่า นายอาลี ได้ลักลอบเข้าประเทศสเปนมาอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2549 จากนั้นเขาก็สามารถหางานที่มั่นคงและมีบ้านเป็นของตัวเองจนสำเร็จ จึงทำเรื่องขอให้ครอบครัวของเขา คือภรรยา ลูกสาว และลูกชาย เดินทางเข้ามาในประเทศนี้อย่างถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตามทางการให้การอนุญาตเพียงภรรยาและลูกสาวของเขาเท่านั้น ขณะที่ลูกชายนั้นไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศมาได้ แม้ว่าเขาจะยื่นคำร้องไปถึง 4 ครั้ง โดยทางการให้เหตุผลว่ารายได้ของเขาเดือนละ 1,300 ยูโร (ราว 50,000 บาท) ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัว

            เมื่อเป็นเช่นนี้นายอาลีจึงตกลงใจ ว่าจ้างคนกลุ่มหนึ่งให้ช่วยพาตัวลูกชายของเขาเดินทางข้ามประเทศมา โดยที่ตกลงกันไว้นั้นคือคนกลุ่มนั้นจะพาลูกชายของเขาเดินทางมาที่มาดริดโดยเครื่องบิน แต่แล้วกลับได้รับแจ้งว่าจะเปลี่ยนแผน พาลูกชายของเขานั่งรถข้ามชายแดนมาแทน โดยนัดเขาให้ไปรอที่จุดข้ามพรมแดน กระทั่งเจ้าหน้าที่พบตัวลูกชายของเขาอยู่ในกระเป๋าเดินทาง และเข้าจับกุมเขาหลังจากนั้น

            โดยหลังเกิดเรื่อง เด็กชายได้ถูกส่งไปอาศัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส พร้อมกับแม่และพี่สาวของเขา ซึ่งนายอาลีเผยด้วยความโล่งใจว่า ขณะนี้เรื่องทั้งหมดได้จบลงแล้ว และในที่สุดเขากับครอบครัวก็จะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยกันในประเทศสเปนเสียที


ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ndtv.com