วันที่ 7 มีนาคม 2561 มีรายงานว่า ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม มีคำสั่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ระหว่าง นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 1 ผู้อำนวยการเขตประเวศ ที่ 2 สำนักงาน เขตประเวศ ที่ 3 กรุงเทพมหานคร ที่ 4 ผู้ถูกฟ้องคดี และนายสุกิจ นามวรกานต์ ที่ 1 กับพวกรวม 7 คน ผู้ร้องสอด
ทั้งนี้ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องโดยมิให้ผู้ใดก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ ที่เกิดจากการจัดตั้งตลาดในพื้นที่ที่เป็นมูลคดีพิพาทไว้ชั่วคราวก่อนการพิพากษา จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ได้รับแจ้งคำสั่งศาลโดยชอบแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556
ในระหว่างการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล สำนักบังคับคดีปกครองได้มีบันทึกรายงานผลการปฏิบัติตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาแจ้งว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล ศาลจึงมีคำสั่งเรียกคู่กรณีมาให้ถ้อยคำในการไต่สวนเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2561 ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีการปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองล่าช้าเกินสมควรหรือไม่ อย่างไร
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงจากการไต่สวนและคำชี้แจงของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า การปฏิบัติตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เป็นการปฏิบัติล่าช้าเกินสมควรจริง แต่กรณีของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าเป็นการปฏิบัติล่าช้าที่เป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร ส่วนกรณีของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งศาลล่าช้าเกินสมควรโดยไม่มีเหตุอันสมควร
1. กำชับเตือนให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 อย่างเคร่งครัด ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องโดยมิให้ผู้ใดก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งสี่ที่เกิดจากการจัดตั้งตลาดในพื้นที่ที่เป็นมูลคดีพิพาทไว้ชั่วคราวก่อนการพิพากษา จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
อนึ่ง หากปรากฏข้อเท็จจริงต่อศาลว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มิได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วน หรือปฏิบัติล่าช้าเกินสมควร ศาลอาจมีคำสั่งไต่สวนเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งตามมาตรา 75/4 วรรคหนึ่ง และวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2559 อีกต่อไป
2. ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชำระค่าปรับต่อศาลปกครองเป็นเงินจำนวนห้าพันบาท โดยให้ชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับ ศาลอาจมีคำสั่งให้มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ทั้งนี้ ตามมาตรา 75/4 วรรคหนึ่ง วรรคสามและวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
3. ให้สำนักบังคับคดีปกครอง สำนักงานศาลปกครอง ใช้อำนาจหน้าที่ในการติดตามผล การดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2556 ของศาล และรายงานให้ศาลทราบ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก