วันที่ 12 มีนาคม 2561 เว็บไซต์ อีจัน ได้รายงานถึงกรณีการสอบปากคำ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยพญาเสือ กรมอุทยานฯ, นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และทีมงาน ในประเด็นการเดินทางเข้า-ออก ของนายเปรมชัย ระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ นายเปรมชัย และพวกเดินทางเข้าไปตั้งแคมป์ และมีเหตุยิงเสือดำ โดยประเด็นที่จะเป็นนัยทางคดีคือ "การเดินทางของนายเปรมชัย ในช่วงเวลาอยู่ในป่า"
ผู้สื่อข่าวอีจัน เปิดเผยว่า นายเปรมชัยเข้าไปพักแรมในเวลา 15.30 น. พักข้างทางที่ห้วยปะชิ 1 คืน รุ่งเช้า เวลา 8 โมง นายเปรมชัย ก็เดินทางไปเซซาโว่ ซึ่งเป็นด่านในป่าทุ่งใหญ่ที่ไกลเลยด่านมหาราชไปอีก และขับรถกลับมาที่แคมป์ ในเวลาประมาณ 13.00 น. ก่อนถูกจับในเวลา 14.00 น.
โดยข้อมูลนี้ สอดคล้องกับการเรียกสอบเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประจำหน่วยเซซาโว่ หน่วยมหาราช และหน่วยทินวย รวม 3 นาย ซึ่งหากเป็นข้อมูลจริง และมีคนเห็นนายเปรมชัย เดินทางไปป่าเซซาโว่จริง และหากนายเปรมชัยอ้างว่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุจริง คงพิสูจน์ได้ยากว่านายเปรมชัยเป็นผู้ร่วมฆ่าเสือดำ
ผู้สื่อข่าวอีจัน ได้ให้เหตุผล ดังนี้
1. การยิงเสือดำตัวนี้ มีข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ คือ คนร้ายใช้ปืนลูกซอง เพราะพบกระสุน ขนาด 20 ssg ที่หนังเสือ 3 เม็ด ตำรวจพยายามพิสูจน์ว่า กระสุนที่พบนี้ มาจากปืนลูกซองแฝดของนายเปรมชัยที่ซ่อนไว้ในพงหญ้าหรือไม่ ต่อมาผลการตรวจสอบสรุปได้เพียงว่า ปืนลูกซองแฝดตรวจพบเพียงดีเอ็นเอมิกซ์ ระบุไม่ได้ ส่วนปลอกกระสุนที่ตกอยู่ เมื่อตรวจรอยที่จานรองกระสุนแล้ว ยืนยันได้ว่า มาจากปืนกระบอกนี้แน่ ๆ แต่จะเชื่อมโยงว่า ใครยิง ...ตอบไม่ได้เช่นกัน
2. อุจจาระนายเปรมชัย ไม่พบดีเอ็นเอเสือดำ
3. ระบุไม่ได้ว่า เสือถูกยิงตำแหน่งไหน เวลาเท่าไร
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าพญาเสือ ตั้งข้อสังเกตน่าสนใจ โดยวิเคราะห์จากจุดพบไส้ของเสือดำ ที่ถูกซุกในซอกหินเอาใบไม้แห้งกลบอำพราง ซึ่งจุดนี้หัวหน้าพญาเสือฟันธงว่า น่าจะเป็นจุดชำแหละเสือ เนื่องจากที่รอยเลือดและรอยขนเสือลักษณะเป็นกลุ่ม ซึ่งตรงที่มีเลือดนั้น ยังมีแมลงวันตอมจำนวนมาก ห่างไปไม่ไกลเจออุจจาระเสือ จึงเชื่อว่า น่าจะเป็นจุดที่เสือหนีตาย วิ่งมาสิ้นลมตรงนั้น ก่อนมีคนอุ้มซากมาชำแหละที่จุดพบไส้ ตรงนี้มีหลักฐานสำคัญ คือ ซองเกลือ ที่ใช้หมดแล้ว 2 ถุง
นายชัยวัฒน์ ตั้งข้อสังเกตว่า การยิงเสือ น่าจะเกิดใน ช่วงขาเข้าคือ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 โดยมีเหตุผลสนับสนุนดังนี้
รถมาถึงด่านของป่าทุ่งใหญ่ ในเวลา 15.30 น. ของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 ถ้าเขาขับมาในเส้นทางนี้รถของ นายเปรมชัย และคณะจะมาถึงจุดชำแหละ เวลา 5 โมงเย็น (ห่างจากด่าน 2 ชั่วโมง สอดคล้องว่าเสือดำมักออกหากินในเวลาใกล้ค่ำ)
ซึ่งหากมีการยิงเสือ ในเวลานั้น แล้วมีคนเดินไปหยิบถุงเกลือจากหลังรถไปหมักเนื้อเสือก็ดูสมเหตุสมผล เพราะหากการยิงเกิดหลังจากที่คณะไปตั้งแคมป์ที่ห้วยปะชิ ซึ่งห่างไป 700 เมตร แล้วเดินย้อนกลับมายิงเสือ ที่จุดพบไส้ คนร้ายจะเอาเกลือจากไหนมาหมัก ถ้าเดินกลับไปเอาที่แคมป์ที่พักก็ต้องใช้เวลา เดินไป-กลับ กว่าครึ่งชั่วโมง หรือมีคนเดินเอามาให้ก็เสียเวลา สู้หิ้วซากกลับไปหมักเกลือที่แคมป์เลยไม่ดีกว่ารึ ด้วยข้อสันนิษฐานนี้ หัวหน้าหน่วยพญาเสือจึงยังเชื่อว่า เหตุยิงเสือ น่าจะเกิดในคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 แต่อย่างไรก็ดี กรณีนี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ เพราะเสือถูกชำแหละจนหาเวลาตายไม่ได้
ผู้สื่อข่าวอีจัน ระบุอีกว่า ยังมีความหวังเพราะคนระดับตำนานของพิสูจน์หลักฐานไทย อย่าง พล.ต.อ. จรัมพร สุระมณี อดีตรอง ผบ.ตร. ที่ปรึกษาคดีเสือดำ ให้สัมภาษณ์ทุกครั้งว่า หลักฐานที่มีสามารถเชื่อมโยงหาคนกระทำผิดได้แน่นอน ก็ต้องลุ้นกันต่อไป ยังมีคำสัมภาษณ์ของท่านจรัมพรถึงการหาหลักฐานมัดในคดีเสือดำ ซึ่งทางผู้สื่อข่าวอีจันจะนำมาเสนอต่อไป
ภาพและข้อมูลจาก