นายเปรมชัย พร้อมคนขับรถ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายนัด ฐานติดสินบนเจ้าหน้าที่ เบื้องต้นให้การปฏิเสธ ขณะที่นางคณิตา ภรรยา ก็เข้ารับทราบข้อหาเช่นกัน ฐานครอบครองงาช้างแอฟริกา
วันที่ 20 มีนาคม 2561 มีรายงานว่า นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และนายยงค์ โดดเครือ คนขับรถ พร้อมด้วยทนายความ เดินทางมายังกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในฐานความผิดร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยข้อหาดังกล่าวสืบเนื่องมาจากหลักฐานที่ นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก บันทึกไว้ได้และนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งใจความสำคัญในบทสนทนา คือ การเจรจากับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อเสนอสิ่งของแลกกับการไม่ถูกจับดำเนินคดี
ทั้งนี้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยหลังสอบปากคำนายเปรมชัย และนายยงค์ ว่า ทั้งคู่ได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ในการสอบปากคำขอไม่เปิดเผย เนื่องจากเกรงจะกระทบสำนวนคดี ซึ่งขณะนี้ตนเองก็ได้เร่งรัดพนักงานสอบสวน ป.ป.ป. สรุปสำนวนให้พนักงานอัยการภายในวันที่ 30 มีนาคมนี้ รวมถึงสำนวนคดีอาวุธปืนและการครอบครองงาช้างแอฟริกาโดยผิดดฎหมายด้วย ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากกรมศุลกากรเกี่ยวกับการเลี่ยงภาษีนำเข้างาช้าแอฟริกาโดยผิดกฎหมาย หากพบว่ากระทำผิดจะต้องมีการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อหาเพิ่มเติมอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น นายเปรมชัยก็ได้เดินทางกลับทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าเนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี เดินทางมารายงานตัวตามหมายนัด จึงไม่จำเป็นต้องนำตัวฝากขัง
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก อีจัน มีรายงานว่า นางคณิตา กรรณสูต ภรรยาของเปรมชัย ก็ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเช่นกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในคดีครอบครองงาช้างแอฟริกา แต่จดทะเบียนเป็นงาช้างบ้าน หลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นที่บ้านพักนายเปรมชัย ภายในซอยศูนย์วิจัย กทม. พบงาช้าง จำนวน 2 คู่ มูลค่ากว่า 2,240,000 บาท เป็นชื่อของนางคณิตา (อ่านข่าว : เปรมชัย หลุดอีกข้อหา ศรีวราห์ ยันงาช้าง 2 คู่ที่พบ เป็นชื่อเมีย)
ต่อมาช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 ได้มีการแถลงการณ์ถึงความคืบหน้าในคดีดังกล่าว โดยเผยว่า คณะทำงานมีประเด็นที่จะต้องสอบปากคำเพิ่มอีก 3-4 ประเด็น และได้มีการส่งหนังสือให้พนักงานสอบสั่งสอบสวนเพิ่มในประเด็นที่สงสัยแล้ว โดยกำหนดให้ส่งหลักฐานการสอบภายในวันที่ 26 มีนาคมนี้ พร้อมยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการคดีนี้ให้รวดเร็วและตรงไปตรงมาที่สุด เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ
