x close

ออกหมายจับ "ทักษิณ ชินวัตร" ใบที่ 2 คดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย

 
            ศาลฎีกานักการเมือง ออกหมายจับ "ทักษิณ ชินวัตร" เพิ่มอีกคดี หลังรื้อคดีร่วมทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย กับกลุ่มกฤษดามหานคร ปี 2555 พร้อมนัดตรวจหลักฐาน 26 ก.ย. นี้

             เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย กับกลุ่มกฤษดามหานคร

           สืบเนื่องจากคดีนี้ มีการยื่นฟ้องนายทักษิณ กับพวกรวม 27 คน ตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่กับนายทักษิณ ขณะนั้นได้หลบหนีไป

           โดยคดีดังกล่าวได้กล่าวหานายทักษิณ จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกกระทำความผิด กรณีอดีตผู้บริหารธนาคารอนุมัติสินเชื่อจำนวนมากโดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของรัฐ หลังพบว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร และกลุ่มบริษัทดังกล่าวถูกจัดอันดับความเสี่ยงลำดับที่ 5 ที่ไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ เนื่องจากมียอดขาดทุนสะสมสูง

           ทว่า กลับมีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานครกว่าหมื่นล้านบาท ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิด กรณีธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร ซึ่งเป็นประโยชน์ส่วนตนกับพวก

           ดังนั้น ตามกฎหมายใหม่ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2560 มาตรา 28 ระบุว่า ในกรณีที่ศาลประทับรับฟ้องไว้แล้ว และศาลได้ส่งหมายเรียกพร้อมสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบ แต่จำเลยไม่มาศาล ให้ศาลออกหมายจับจำเลย และให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ติดตามจับกุมได้เลย แต่ถ้าไม่สามารถจับจำเลยได้ภายในสามเดือนนับแต่ออกหมายจับ ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย หรือการพิจารณาคดีลับหลังได้นั่นเอง แต่ก็ไม่ตัดสิทธิ์จำเลยที่จะตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตัวเองได้ และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะมาต่อสู้คดี

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Jewel SAMAD / AFP

           โดยวานนี้ (20 มิถุนายน) ทางอัยการโจทก์เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยคือ นายทักษิณ หรือทนายความตัวแทน ไม่มีใครเดินทางมา องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาเห็นว่า นายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มา และไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับได้ พร้อมให้โจทก์รายงานผลการจับกุม ให้ศาลรับทราบทุกเดือน

           ส่วนที่จำเลยไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งแรกให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 26 กันยายน นี้ เวลา 13.30 น. โดยให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานหลักฐาน ก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐาน 14 วัน และให้ส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบพร้อมปิดหมาย

           อย่างไรก็ตาม สำหรับหมายจับดังกล่าว ถือเป็นหมายจับในคดีที่ 2 ที่มีการรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาลับหลังจำเลย หลังจากคดีแรกที่นายทักษิณถูกออกหมายจับ ในคดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มบริษัทชินคอร์ปฯ ในเวลานั้น

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ออกหมายจับ "ทักษิณ ชินวัตร" ใบที่ 2 คดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย อัปเดตล่าสุด 21 มิถุนายน 2561 เวลา 14:22:03 4,665 อ่าน
TOP