ข้อมูลจาก Forward mail
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก glitter.kapook.com
ผมกินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว เป็นครอบครัวที่ใหญ่พอใช้
ผมเป็นเด็กที่สุดในบ้าน มีปู่ ย่า ป้า อา ญาติเยอะแยะ
ที่สำคัญ พ่อของผม โต๊ะกินข้าวตัวนั้น ผมยังจำได้ดีถึง
รูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูเทอะทะของมัน ... มันใหญ่และเลวร้ายมากสำหรับผม
"เพล้ง !" เสียงนี้สะท้อนไปถึงหัวใจของผม
"หนูไม่ได้ตั้งใจ" คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากแบบอัตโนมัติ
ทุกคนพร้อมจะให้อภัยเสมอ ...
แค่เด็กอายุ 7 ขวบทำจานแตกไปหนึ่งใบ
"ไม่เป็นไรหรอก" ผมยิ้มออกที่ทุกคนพูดออกมาแบบนี้
แต่ ... ผมลืมไปหนึ่งคน
"เก็บเศษจานให้หมด แล้วไม่ต้องกินข้าว จนกว่าพ่อจะอนุญาต"
เสียงประกาศิตและเฉียบขาดเสมอ นี่คือ คำสั่งที่ผมต้องฟัง และปฏิบัติตามทุกครั้ง
ผมทำตามที่พ่อผมสั่งอย่างรวดเร็วเท่าที่เด็กในวัย 7 ขวบจะทำได้
นั่นคือ สิ่งที่ผมกลัวที่สุดในชีวิต เสียงที่ดังและกร้าวของพ่อ
คือ สิ่งที่บั่นทอน สุขภาพจิตของผม ให้หวาดผวาทุกครั้งที่พ่อเอ่ยเสียง
หรือ แม้แต่กระทั่ง ไอ ….
นั่นคือ จุดเริ่มต้นของความว่า "เกลียด"
ผมไม่รู้ตัวว่า เกลียดพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่รู้รู้ คือ ชายคนนี้
คือ คนที่ทำให้ผมหวาดผวาได้ตลอดเวลา
พ่อ คือ ชายคนเดียวที่ใช้กำลังกับผม
พ่อ คือ ชายคนเดียวที่ขู่ ตวาด และ ตะคอกผม
พ่อ คือ ชายคนเดียวที่พร้อมจะทำทุกอย่างได้เมื่อเห็นผมทำผิด
เกลียดพ่อ … คำนี้ผมท่องขึ้นใจ มาตั้งแต่ผมจำความได้
ผมไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยซักครั้งที่ไปปรึกษาพ่อแม้กระทั่งเรื่องเรียนต่อ
ผมตัดสินใจเองทั้งหมด จนกระทั่งวันที่ผมได้เปลี่ยนแปลงความคิดว่า
ผู้ชายที่เป็น พ่อของผม คือ ผู้ชายที่รักผมมากที่สุดในโลก ได้มาถึง
แต่มันก็สายเกินกว่าที่ผมจะแก้ไข หรือ เกินกว่าที่ผมจะเอ่ยคำว่า รัก
ออกมาให้พ่อผมได้ยิน พ่อผมเสียชีวิตไปก่อน
อาจจะเป็นการเสียชีวิตของพ่อก็ได้ที่ทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติต่อพ่อ
พ่อผมเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องสี่คน
สมัยเด็กๆ ย่าผมบอกว่า ที่บ้านฐานะไม่ค่อยดี
พ่อผมเป็นแรงงานที่ช่วยเหลือ ตั้งแต่เด็ก
นิสัยจริงจัง และ อารมณ์ร้อน
พ่อผมจากไปด้วยโรคลมปัจจุบัน
วินาทีแรกที่ผมรู้ว่าพ่อผมเสีย คือ เฉยต่อเหตุการณ์
ผมสงบจวบจนผมเห็นร่างกายอันเย็นเฉียบปราศจากวิญญาณของพ่อ
ความทรงจำในอดีตก็ค่อย ๆ ย้อนกลับมา
"เอ้า พ่อซื้อมาแล้ว รถไฟรางที่อยากได้"
"เก่ง .. นี่หว่า ได้ตั้งที่ 8 เลขตัวเดียวซะด้วย"
"เอาน่า … ไว้พ่อจะซื้อให้ใหม่ หมาตายไปเพราะมันแก่ตาย
อย่าร้องไห้ ลูกผู้ชายเค้าไม่เสียน้ำตากับเรื่องแค่นี้หรอก"
"แกอยากไปเที่ยวกับเพื่อน มีเงินหรือยัง"
"ปิดเทอม อยากไปไหนวะ เดี๋ยวไปกับพ่อ" ฯลฯ
อาจจะเป็นเพราะผมมีอคติกับพ่อ สิ่งเหล่านี้เลยไม่เคยอยู่ในสายตา
และ ความรู้สึกของผม อาจเป็นเพราะพ่อผมเป็นคนที่เข้มแข็ง
พ่อผมสู้ชีวิตมาตั้งแต่เล็ก การแสดงความรู้สึกเลยอาจจะแข็ง
หรือพ่ออาจจะทำให้ผมเห็นว่า ...
คนที่เป็นผู้ชายมันต้องจริงจังกับชีวิตเสมอ
ผมคิดได้แค่นี้ ความคิดทั้งหมดก็หยุดโดยฉับพลัน
น้ำตาของผม ที่ไม่เคยไหล แม้แต่จะถูกพ่อตี ก็ไหลออกมา
ความดีของพ่อ กลับเข้ามาสู่ความทรงจำของผมทุก ๆ อย่าง
อาจจะเป็นเพราะว่า เราไม่เคยเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่
ตราบจนกระทั่งเราเสียมันไป เหมือนอย่างที่เคยมีคนพูดไว้ก็ได้
สามปีแล้วที่ผมสูญเสียผู้ชายที่รักผมมากที่สุด ทุก ๆ ครั้งที่ผมนึกถึงเค้า
ผมมักจะมีน้ำตาให้กับความดีของเค้า
และน้ำตาให้กับความโง่ของตัวเองเสมอ
พ่อครับ... พ่อยังสถิตในหัวใจของผมเสมอ
"ผมรักพ่อครับ"