ถ้าพูดถึงดาวเด่นฟากฟ้า วงการกีฬาเมืองไทย ช่วงนี้ ไม่มีใครปฏิเสธว่า เงือกอุ้ม ณัชฐานันตร์ จันทร์กระจ่าง เงือกสาวทีมชาติไทยวัย 21 ปีจาก ม.หอการค้าไทย กำลังจุดประกายส่องแสงเจิดจ้า เป็นที่สนใจมากที่สุดคนหนึ่งในขณะนี้
ผลงานของ เงือกอุ้ม ล่าสุด ลงชิงชัย 13 รายการ ในสระ กีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 35 วลัยลักษณ์เกมส์ ที่ ม.วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช สร้างประวัติศาสตร์กีฬามหาวิทยาลัย คว้าเหรียญทองมาครองมากที่สุด 12 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน ในการลงแข่ง 13 รายการ พร้อมคว้ารางวัลนักกีฬาดีเด่นหญิงพ่วงท้าย
ก่อนหน้านี้กีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ ที่มา เก๊า เงือกอุ้ม คว้ามา 1 ทอง 3 เงิน 1 ทองแดง จากนั้น ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 นครราชสีมาเกมส์ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ที่ จ.นคร ราชสีมา เงือกอุ้ม ก็สร้างชื่อให้ทีมชาติไทยกระหึ่ม เมื่อครองราชินีสระ กวาดคนเดียว 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 ทองแดง ทำให้ได้รับตำแหน่ง นักกีฬาดีเด่นหญิงไปครอง
ไม่เพียงเท่านั้น ใน นครราชสีมาเกมส์ น้องอุ้มยังทำสถิติผ่านรอบคัดเลือกไปโอลิมปิก 2008 ปักกิ่งเกมส์ ถึง 2 รายการ คือ ฟรีสไตล์ 200 เมตร 2.03.00 นาที และ ฟรีสไตล์ 400 เมตร ที่ 4.20.01 นาที ในประเภทฟรีสไตล์ 200 เมตร ยังทำลายสถิติซีเกมส์ ที่ โจว สลิน โยว เงือกสิงคโปร์ครองมาถึง 8 ปีด้วย
พรหมพัฒน์ จันทร์กระจ่าง คุณพ่อของ เงือกอุ้ม เปิดเผยว่า ลูกสาวคนเดียวของตน เริ่มฝึกว่ายน้ำตั้งแต่ 8 ขวบ เพราะใจรัก และอยากว่ายน้ำ จากนั้นหน่วยก้าน และความสามารถก็เข้าตาโค้ช จึงเริ่มออกตระเวนแข่งขันตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เรียกว่า พอกระโจนลงสระแข่งขันครั้งแรก ก็เริ่มกวาดรางวัลกันเลย
ส่วนเส้นทางสู่ทีมชาตินั้น เริ่มติดทีมชาติครั้งแรก ตั้งแต่เรียนอยู่ในชั้น ม. 6 ไปแข่งซีเกมส์ ครั้งที่ 22 ที่เวียดนาม แต่ยังไม่ได้เหรียญใด ๆ ติดมือ จากนั้นมาถึงซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ฟิลิปปินส์ จึงได้มา 2 เหรียญทอง ในว่ายผลัดฟรีสไตล์ 4 x 100 เมตร และ 4 x 200 เมตร และเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ทีมว่ายผลัดสาวไทย ทำลายสถิติซีเกมส์ด้วย
เงือกอุ้ม มาฉายแววเต็มที่ ใน นครราชสีมาเกมส์ แต่หวิดชวดลงแข่ง เพราะปัญหาภายในสมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ที่ลงคัดได้ที่ 1 แต่จะเอาคนอื่นที่สถิติต่ำกว่า อุ้ม ไปแทน จนพ่อต้องออกมาโวย จึงทำให้ ลูกสาวได้ไปแข่งซีเกมส์
สำหรับเป้าหมายในอนาคต เงือกอุ้ม เปิดเผยว่า ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้ จะไปเรียนเสริมความแกร่งด้านภาษา ที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อกลับมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่ ม.หอการค้าไทย เพราะจะจบระดับปริญญาตรีในเดือน มี.ค. นี้แล้ว จากนั้นในเดือนเม.ย.เป็นต้นไป จะฟิตเต็มที่เพื่อไป ปักกิ่งเกมส์
เงือกอุ้ม กล่าวว่า โอลิมปิก เป็นความฝันของนักกีฬาทุกคน ที่ตั้งเป้าว่า จะต้องได้ไปโชว์ฝีมือในโอลิมปิกสักครั้งหนึ่งในชีวิต เช่นเดียวกับตน แต่ตอนนี้รู้สึกหวั่นใจอยู่เช่นกันว่า สมาคมว่ายน้ำฯ จะไม่ส่งสถิติของตัวเองไปรับรองกับสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ เพื่อคว้าสิทธิไปแข่ง ปักกิ่งเกมส์ เพราะตอนนี้เรื่องทุกอย่างยังเงียบอยู่ ซึ่งตนเองจะสู้เต็มที่เพื่อไม่ให้เสียสิทธินี้ เพราะมันคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ และเป็นสิทธิที่ตนที่ได้มาด้วยความเหนื่อยยาก ลำบาก และอดทนฟิตซ้อมมาอย่างหนักจริง ๆ
ส่วนเป้าหมายในโอลิมปิก คือการเข้ารอบไฟนอล B หรือรอบ 16 คนสุดท้าย และเมื่อไปถึงแล้ว จะไปได้ถึงไหนค่อยว่ากันอีกที แต่รับรองว่าสู้สุดฝีมือแน่
การฟิตซ้อมจนขึ้นมาสู่ทีมชาติได้ เงือกอุ้ม เผยว่า ตนเองเติบโตมากับ สโมสรว่ายน้ำบุญรอดฯ เป็นนักว่ายน้ำในโครงการ สิงห์ ได้โค้ชของสโมสรคือ เยิ่น ซุน เซ็น จากจีน ช่วยดูแล และติวเข้มในขณะนี้
สำหรับนักว่ายน้ำรุ่นน้องๆ ที่ต้องการจะขึ้นสู่ทีมชาติ และสร้างผลงานให้กระหึ่มนั้น เงือกอุ้ม ฝากบอกว่า
อยากให้น้องๆ ทุกคนเล่นกีฬาด้วยใจรัก ต้องอดทน ขยันฟิตซ้อม เชื่อฟังตามที่โค้ชสั่งทุกอย่าง แล้วอาจจะเก่งกว่า อุ้ม อีกนะคะ
ข้อมูลและภาพประกอบจาก
ข่าวโดย : นฤเบศวร์
