x close

เป็นตัวเองในสิ่งที่ทำ กับ มาริโอ้ เมาเร่อ


มาริโอ้ เมาเร่อ


          นาทีนี้ถ้าจะพูดถึงดาราดาวรุ่งหน้าใหม่ชายที่กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่น ต้องยกให้นายแบบและนักแสดงหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ "มาริโอ้ เมาเร่อ" ตอนนี้ไม่ว่าหนุ่มโอ้ จะกระดิกตัวไปไหน ทำอะไร ก็เป็นที่กรี๊ดกร๊าดและถูกแฟนคลับรุมล้อม ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่กำลังเริ่มโด่งดัง ก็ต้องเป็นที่ถูกจับตามอง แม้จะทำให้หนุ่มโอ้ เสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง และเขาก็พยายามทำความเข้าใจและยอมรับ พร้อมปรับตัวให้ชินกับความมีชื่อเสียง

          มาริโอ้ : โอ้ชินแล้วครับกับความเป็นส่วนตัวที่หายไป เมื่อก่อนโอ้เดินไปไหนมาไหนก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้เดินไปไหนมีคนจับตามองเราตลอดเวลา ถามว่าอึดอัดไหม โอ้ว่ามันก็มาคู่กันนะระหว่างความมีชื่อเสียงกับการที่เราต้องขาดการเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่โอ้ก็คิดในแง่ดีว่าโอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีมาเยอะๆ ครับ และคงไม่มีคนที่มีโอกาสดีๆ แบบเราเยอะ เราก็ใช้โอกาสให้ดีที่สุด ทำตัวให้ดี และค่อยๆ เปลี่ยนตัวเองมาเรื่อยๆ เพราะเรายังเป็นเด็กอยู่ ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ พยายามค่อยๆ เรียนรู้ และค่อยๆ ปรับตัวไป

เริ่มมีชื่อเสียงทำให้เราต้องระวังมากขึ้น

          มาริโอ้ : ต้องระวังตัวมากขึ้นครับ อย่างเวลาไปเดินตามห้างฯ พอเราไปเดินกับเพื่อนสนิทก็มีคนคอยตามถ่ายรูปเราตลอด ตอนแรกเราก็นึกว่าคนที่ชื่นชอบเรา แต่ก็เป็นตากล้องเป็นปาปารัชชี่ เดินตามมา ฉะนั้นตอนนี้จะทำอะไรต้องระวังตัวครับ

เพื่อนสนิทหมายถึง กุ๊บกิ๊บ สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย นักร้องวง Baby Bocty แฟนสาวของโอ้หรือเปล่า

          มาริโอ้ : โอ้ยังไม่เรียกว่าแฟน เพราะโอ้ยังเด็กอยู่ เพิ่งอายุ 19 ปี เพิ่งเข้ามาในวงการ คือเมื่อก่อนเราไปไหนด้วยกันปกติก็ไม่ได้เรียกว่าแฟน เพราะเรายังเด็กอยู่ และต้องเรียนหนังสือ ต้องทำงาน เลยไม่อยากเรียกว่าแฟน เป็นเพื่อนสนิทดีกว่า แล้วจริงๆ คำว่าแฟนก็ไม่ได้จะมอบให้ใครง่ายๆ เพราะเรายังเด็กอยู่ เรียกว่าเพื่อนสนิทดีกว่า ก็สนิทมานานแล้วครับ 4-5 ปี ก็เราคบกับเป็นเพื่อน ถึงคบกันได้นาน

ย้ำตลอดว่าเป็นเพื่อนสนิท เพราะกลัวจะเสียคะแนนหรือไง

          มาริโอ้ : ไม่ได้กลัวนะพี่ ก็อิสระอยู่แล้ว แต่โอ้ก็เป็นคนๆ หนึ่ง จะคบกับใครไม่เห็นจำเป็นต้องเรียกว่าแฟนเลย เพราะเรายังเด็ก และยังเรียนอยู่ ใช้คำว่าแฟนมันเกินไป แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะบอก ถ้าเป็นแฟนโอ้ไม่ปิดบังแน่นอนครับ

แต่โอ้ค่อนข้างจะเปิดเผยพอสมควรนะ

          มาริโอ้ : โอ้ว่าควรเปิดเผยนะ เรามาอยู่ในวงการนี้แล้วจะมาปิดบัง ถ้าเกิดพวกพี่มารู้ที่หลังเหมือนเราโกหกปิดบัง คนเราควรเปิดใจและทำอย่างที่เราสบายใจ โอ้ว่าคนจะรักเราชอบเราดูที่ผลงานมากกว่า ไม่ได้มาดูเรื่องส่วนตัว เพราะก่อนเข้าวงการเราก็รู้จักเขาอยู่แล้ว แต่พอเข้ามาวงการเราจะเปลี่ยนตัวเองหรือ มันไม่ใช่

เพราะเปิดเผยเลยมีภาพหลุดของโอ้กับกุ๊บกิ๊บ ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ

          มาริโอ้ : โอ้ไม่ได้ซีเรียส แล้วแต่คนจะมอง แต่บางทีคนเรามองกันแค่เปลือกนอก เวลาโอ้พาเพื่อนคนไหนไปเที่ยวก็มาบอกว่าเป็นแฟนเราแล้ว จริงๆ ไม่ใช่ อย่าง สายป่าน อภิญญา ซึ่งโอ้กับเขาไปออกงานด้วยกันก็เรียกว่าแฟนกัน มองแค่ผิวเผิน กับป่านก็ไม่ได้มีอะไร เราก็เป็นเพื่อนกัน เพราะอยู่โมเดลลิ่งเดียวกัน มีผู้จัดการคนเดียวกัน และได้ทำงานด้วยกันในเรื่อง เฟรนด์ชิฟ

มีข่าวแบบนี้รู้สึกอึดอัดมั้ย

          มาริโอ้ : ก็ไม่อึดอัดนะ เพราะเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของพวกพี่ๆ นักข่าว เป็นงานของพวกพี่ที่จะเขียนอะไร ซึ่งเราจะไปห้ามไปว่าพี่เขาก็ไม่ได้ ก็เข้าใจครับว่านักข่าวกับดาราก็ต้องคู่กันอยู่แล้ว เรามีชื่อเสียงก็ต้องมีข่าว จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ค่อยว่ากันอีกที ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี พยายามมองอะไรดีๆ เข้าไว้เราจะได้ไม่เครัยด ไม่คิดมาก

แต่บางทีก็มีเครียดเหมือนกัน

          มาริโอ้ : ก็มีบ้างครับ เพราะบางทีพี่ๆ ก็ใช้คำรุนแรงไป โอ้เคยเข้าไปในเน็ตเหมือนกันมาว่าเราเป็นคนนั้นคนนี้ มาว่าเราว่าเพื่อนสนิทเราไม่ดีเลยครับ เพราะเขาว่าแบบเสียๆ หายๆ คือทุกคนก็มีทางเดินของตัวเอง เราไม่ควรว่ากันแบบนี้ แล้วเขียนไปบางทีก็บั่นทอนกำลังใจของเราในการทำงาน คนเขียนควรเขียนให้แบบให้กำลังใจดีกว่ามั้ย แต่โอ้ก็เข้าใจนะว่าในบางทีเราต้องแสดงหรือให้ความคิดเห็นแต่บางทีเขาก็เขียนแรงเกินไป

ค่อนข้างซีเรียสที่เพื่อนสนิทโดนว่าเพราะเรา

          มาริโอ้ : อย่าเขียนกันแรงๆ เลยครับ ไปเขียนว่าเขาทำไม ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เรา แต่กลับไปเขียนว่าเขาแรงๆ โอ้ว่ามันไม่เหมาะเพราะมันแรงเกินไป ถ้าไม่เชื่อพี่ลองเข้าไปอ่านดู จะรู้ว่าด่าแรงมาก เหมือนคนที่เขียนไม่ชอบ แต่ก็น่าจะให้ความคิดเห็นก็พอ แล้วโอ้คิดถึงเรื่องเวรกรรมและเชื่อว่าในโลกนี้เวรกรรมมีจริง ถ้าเราไปว่าเขาแรงๆ โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้ โอ้ว่าก็จะย้อนกลับไปหาตัวเขาเอง

แล้วโอ้ปลอบใจเขาอย่างไง

          มาริโอ้ : ก็พยายามให้กำลังใจเขาอยู่เรื่อยๆ เพราะบางทีข่าวพวกนี้ก็บั่นทอนจิตใจเหมือนกันนะ แต่เวลาที่โอ้ไปไหนกับเขาก็ยอมรับนะว่ามีคนคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา

ก็เลยทำให้เรากับเขาไปไหนด้วยกันน้อยลง

          มาริโอ้ : ปกติที่ไปด้วยกันก็น้อยอยู่แล้วครับ เพราะโอ้มีงาน เขาก็มีงาน เลยไม่ค่อยไปไหนด้วยกัน ยิ่งช่วงหลังโอ้มีเวลาให้เขาน้อยลง แต่เขาก็ไม่บ่น เขาเข้าใจ และเราก็คุยกันอยู่เรื่อยๆ แต่ก็มีเจอกันบางครับ

ข่าวบั่นทอนความสัมพันธ์โอ้กับกุ๊บกิ๊บมั้ยล่ะ

          มาริโอ้ : ไม่มีครับ เราพยายามเข้าใจกัน คุยกันเยอะๆ แล้วมันเป็นเรื่องงาน อย่าเอาเรื่องงานมาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลย โอ้พยายามเรียนรู้อะไรหลายอย่าง พยายามใจเย็นกับทุกสิ่ง เพราะโอ้โตมากับวงการ โอ้ถ่ายแบบมาได้ 2-3 ปีแล้ว ซึ่งก็นานพอสมควร เหมือนมันผ่านอะไรมาเยอะและเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

มองการนำเสนอข่าวตอนนี้ยังไง

          มาริโอ้ : ก็ดีนะครับ แต่บางทีเขาก็เสนอหนักเกินไป แต่เราก็เข้าใจ โอ้พยายามอ่านนะ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะเอามาคิดดู พร้อมปรับปรุงแก้ไข แต่ถ้าเรื่องไม่จริงเราก็ปล่อยไป เพราะมันไม่ใช่ หรือบางทีข่าวไม่จริงเราก็จะพยายามดูและทำความเข้าใจ พยายามอธิบายถ้ามีคนมาถาม

แต่การพูดอาจทำให้คนมองเราไม่ดีได้

          มาริโอ้ : ใช่ครับ เพราะบางทีคนอ่านจะตัดสินเราจากข่าวเลย บางทีเขาน่าจะคิดนิดนึงมองโลกให้กว้างแล้วพยายามเปิดใจ

นอกจากงานหนังยังมีงานเพลงด้วย โดยทำกับค่ายเพลงใต้ดิน คือ NYU CLUB ทั้งที่มีค่ายเพลงยักษ์ใหญ่มาจีบ

          มาริโอ้ : โอ้ทำกับพี่ชาย ไปช่วยพี่ชายร้องครับ แต่ถามโอ้ว่าอยากทำอัลบั้มของตัวเองมั้ย เราชอบอยู่แล้วกับแนวเพลงฮิพฮอพ เพราะเราฟังมาตั้งแต่เด็ก แต่โอ้ยังไม่รู้เลยว่าจะทำเมื่อไหร่ แล้วถ้าทำจะทำกับค่ายใหญ่หรือเปล่า โอ้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นโอกาสดีนะที่ได้ทำกับค่ายใหญ่ เพราะอาจจะกว้างกว่า แต่โอ้คิดว่าเพลงใต้ดินก็มีอะไรบางอย่างเหมือนกัน เราสามารถแสดงความคิดเห็น เขียนเนื้อเพลงได้เต็มที่มากกว่า แต่ถ้าทำกับค่ายใหญ่งานก็คงใหญ่และเยอะตามไปด้วย

งานละครมีติดต่อมาบ้างมั้ย

          มาริโอ้ : มีบ้างครับ แต่โอ้ยังไม่พร้อมด้วย ตอนนี้คิดว่าอยากเล่นหนังไปเรื่อยๆ เพราะติดใจ และคิดว่าตัวเองถนัดหนังมากกว่า เพราะได้ผ่านหนังและมีประสบการณ์มาแล้วก็อยากเล่นหนังอีก แต่ถ้าเล่นละคร โอ้ก็ต้องไปเรียนอีก แต่ก็อยากลองเหมือนกันนะ แต่ตอนนี้ยังอยากเล่นหนังอยู่ ซึ่งหนังเรื่องใหม่ก็มาติดต่อมาบ้างแต่ก็กำลังดูๆ อยู่ ดูความพร้อมของตัวเองด้วย เพราะตอนนี้ยังเรียนอยู่ ก็ต้องดูคิวให้ชัวร์

มีคนชวนเซ็นสัญญามั้ย

          มาริโอ้ : มีบ้างครับ แต่โอ้มีสัญญากับโมเดลลิ่งอยู่แล้ว โอ้อยากทำอิสระมากกว่า ไม่อยากเป็นแบบว่าช่องนี้ช่องนั้น เพราะการเซ็นสัญญามันต้องมีการผูกมัดอยู่แล้ว แต่โอ้อยากอิสระ เพราะมันได้ความหลากหลายมากกว่า

ตั้งเป้ากับวงการนี้ยังไง

          มาริโอ้ : พยายามทำในสิ่งที่เราชอบ ไม่ทำอะไรที่หักโหมมากเกินไป แล้วพยายามเลือกงานด้วย เพราะงานเป็นสิ่งที่วัดคุณค่าของเรา พยายามเลือกงานที่เหมาะสมกับเรา ไม่เกินความสามารถ เราต้องรับให้พอเหมาะ ถ้าเรายิ่งรับงานเยอะๆ แต่ไม่ตรงกับตัวเอง ผลงานออกมาก็จะไม่ดี ทำให้คนที่ติดตามเราคงผิดหวังและเสียใจ

ความคิดโตกว่าอายุเหมือนกันนะ

          มาริโอ้ : คงเป็นเพราะโอ้เข้าวงการมาและได้เรียนรู้ แล้วพ่อแม่ก็สอนมาอย่างดี แม่สอนว่าที่สำคัญที่สุดเราต้องเป็นเด็กกตัญญู เราต้องรู้คุณพ่อแม่เราที่ให้ชีวิตเรามาทุกวันี้ เรามาทำงานพ่อแม่เราสอนให้รู้จักมีสัมมาคาราวะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ไปลามาไหว้ เพราะเราเป็นคนไทยต้องไหวครับ

          ได้ฟังอย่างนี้แล้ว นักแสดงวัยรุ่นคนอื่นที่เป็นคนไทยแท้ๆ จะรู้สึกอายกันมั้ยเนี้ย


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

- รูปภาพ มาริโอ้ หนุ่มหล่อ ดารา รูปดารา วอลล์เปเปอร์ เซ็ตใหม่สุดโดนใจ
- รูปภาพ มาริโอ้ หนุ่มหล่อ ดารา จาก ภาพยนต์ รักแห่งสยาม ขวัญใจสาวๆ
- รูปภาพ มาริโอ้ ดารา หนุ่มหล่อ มาดเข้ม จาก ภาพยนต์ รักแห่งสยาม

- หนุ่มหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ ชุด1
- หนุ่มหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ ชุด2


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- มาริโอ้ ดังข้ามประเทศ ถูกเลือกเป็นผู้เชิญรางวัลที่ฮ่องกง
- มาริโอ้ ยืดอกรับ ขวัญใจชาว เกย์
- มาริโอ้ รักแห่งสยาม คว้าโอกาส เลือกเดินเส้นทางมายา
- สัมภาษณ์ มาริโอ้ เมาเร่อ ดารา จากหนังเรื่อง รักแห่งสยาม
- "มาริโอ้" แจ้งเกิดเต็มตัว กับบท "โต้ง" ใน "รักแห่งสยาม"


ข้อมูลจาก

ฉบับที่ 34 วันที่ 19

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เป็นตัวเองในสิ่งที่ทำ กับ มาริโอ้ เมาเร่อ โพสต์เมื่อ 20 มีนาคม 2551 เวลา 00:00:00 14,790 อ่าน
TOP