เพจดังแสดงความเห็นกรณีร้านมือสองเขียนบนกระเป๋าแอร์เมสว่า "ปลอม" ชี้คนที่บอกได้ว่าแท้หรือปลอมคือคนที่แบรนด์เทรนมาเท่านั้น โดยมีใบรับรองด้วย จะใช้แค่ประสบการณ์แล้วชี้ว่าปลอม หรือไม่ปลอม ไม่ได้
จากกรณีที่สาวรายหนึ่งได้ขายกระเป๋า Hermes Constance 24 ให้กับร้านรับซื้อแบรนด์เนม ซึ่งต่อมาทางร้านได้ตรวจสอบพบว่าเป็นของปลอม จึงใช้ปากกาเขียนลงไปที่กระเป๋าว่า "ปลอม" โดยอ้างว่าเป็นการทำแบบเดียวกับที่ช็อปแอร์เมสทำกับลูกค้าที่เอากระเป๋าปลอมมาให้ดู ต่อมาเจ้าของกระเป๋าจะขอรับกระเป๋าคืน แต่ทางร้านไม่คืนให้ จึงสอบถามว่าตรวจสอบยังไง ทางเจ้าของร้านก็บอกว่าเช็กเอง ปลอมก็คือปลอม และแนะให้ไปเช็กที่ช็อปด้วยกัน จนกระทั่งเรื่องราวจบที่แจ้งความกันไป-มา ฝ่ายหนึ่งหาว่ายักยอกทรัพย์ อีกฝั่งเอาตำรวจมาจับ หาว่าขายของปลอม
อ่านข่าว : ดราม่าสาวขายกระเป๋า Hermes 5 แสนเป็นมือสอง ร้านกลับเขียน ปลอม ทำงี้ได้เหรอ ?
ล่าสุด (16 ธันวาคม 2564) แอดมินเพจเจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่าในมุมของเจ้าของร้านอาจจะเจอของปลอมบ่อย จึงทำแบบนี้เพื่อวงการซื้อขายของแบรนด์เนมมือสอง แต่การพิสูจน์นั้นเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่แค่เทียบข้อมูล ดูรีวิวในอินเทอร์เน็ตแล้วจะตัดสินได้
แอดมินเพจ ระบุอีกว่า การอ้างว่านำกระเป๋าไปสอบถามที่ช็อป แล้วพนักงานบอกว่าปลอม ถ้าหากเป็นคดีความขึ้นมา เชื่อว่าพนักงานไม่ไปเป็นพยานให้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกี่ยวกับงาน แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ไม่ใช่ว่าพนักงานคนไหนก็บอกได้ อย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่น ตำแหน่งตรวจสอบของจริงหรือปลอม จะมีในฐานข้อมูล เป็นคนตรวจสอบ ทำหน้าที่เช็กตามข้อกำหนด เช่น เลขรหัส, ชนิดหนัง, ความหนา,ป้าย, ลายน้ำที่ซ่อนในเนื้อผ้า, ชนิดของซิป ฯลฯ ทางเจ้าหน้าที่จึงจะอนุมัติให้ผ่าน เท่าที่ตนทราบ พนักงานในส่วนขาย ไม่ได้รับการอบรมที่มีใบรับรองจากแบรนด์ ซึ่งจะใช้ประสบการณ์ตัดสินอย่างเดียวไม่ได้
แอดมินเพจ บอกอีกว่า ทางฝั่งเจ้าของประเป๋าขอของคืน ไม่ได้หนี แต่ทางร้านไม่คืน อ้างว่าทำเพื่อสังคม ต่อให้ขึ้นศาล พนักงานไปเป็นพยานให้ ก็ไม่ได้แปลว่าพิสูจน์ได้ แนะนำให้เจ้าของกระเป๋านำกระเป๋าไปส่งพิสูจน์ที่ต่างประเทศซึ่งมีหลายร้าน และออกใบยืนยันให้ได้ด้วย แล้วค่อยเอาค่าใช้จ่ายไปฟ้องเรียกค่าเสียหายก็่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน
จากกรณีที่สาวรายหนึ่งได้ขายกระเป๋า Hermes Constance 24 ให้กับร้านรับซื้อแบรนด์เนม ซึ่งต่อมาทางร้านได้ตรวจสอบพบว่าเป็นของปลอม จึงใช้ปากกาเขียนลงไปที่กระเป๋าว่า "ปลอม" โดยอ้างว่าเป็นการทำแบบเดียวกับที่ช็อปแอร์เมสทำกับลูกค้าที่เอากระเป๋าปลอมมาให้ดู ต่อมาเจ้าของกระเป๋าจะขอรับกระเป๋าคืน แต่ทางร้านไม่คืนให้ จึงสอบถามว่าตรวจสอบยังไง ทางเจ้าของร้านก็บอกว่าเช็กเอง ปลอมก็คือปลอม และแนะให้ไปเช็กที่ช็อปด้วยกัน จนกระทั่งเรื่องราวจบที่แจ้งความกันไป-มา ฝ่ายหนึ่งหาว่ายักยอกทรัพย์ อีกฝั่งเอาตำรวจมาจับ หาว่าขายของปลอม
อ่านข่าว : ดราม่าสาวขายกระเป๋า Hermes 5 แสนเป็นมือสอง ร้านกลับเขียน ปลอม ทำงี้ได้เหรอ ?
ล่าสุด (16 ธันวาคม 2564) แอดมินเพจเจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวว่าในมุมของเจ้าของร้านอาจจะเจอของปลอมบ่อย จึงทำแบบนี้เพื่อวงการซื้อขายของแบรนด์เนมมือสอง แต่การพิสูจน์นั้นเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่แค่เทียบข้อมูล ดูรีวิวในอินเทอร์เน็ตแล้วจะตัดสินได้
แอดมินเพจ ระบุอีกว่า การอ้างว่านำกระเป๋าไปสอบถามที่ช็อป แล้วพนักงานบอกว่าปลอม ถ้าหากเป็นคดีความขึ้นมา เชื่อว่าพนักงานไม่ไปเป็นพยานให้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกี่ยวกับงาน แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ ไม่ใช่ว่าพนักงานคนไหนก็บอกได้ อย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่น ตำแหน่งตรวจสอบของจริงหรือปลอม จะมีในฐานข้อมูล เป็นคนตรวจสอบ ทำหน้าที่เช็กตามข้อกำหนด เช่น เลขรหัส, ชนิดหนัง, ความหนา,ป้าย, ลายน้ำที่ซ่อนในเนื้อผ้า, ชนิดของซิป ฯลฯ ทางเจ้าหน้าที่จึงจะอนุมัติให้ผ่าน เท่าที่ตนทราบ พนักงานในส่วนขาย ไม่ได้รับการอบรมที่มีใบรับรองจากแบรนด์ ซึ่งจะใช้ประสบการณ์ตัดสินอย่างเดียวไม่ได้
แอดมินเพจ บอกอีกว่า ทางฝั่งเจ้าของประเป๋าขอของคืน ไม่ได้หนี แต่ทางร้านไม่คืน อ้างว่าทำเพื่อสังคม ต่อให้ขึ้นศาล พนักงานไปเป็นพยานให้ ก็ไม่ได้แปลว่าพิสูจน์ได้ แนะนำให้เจ้าของกระเป๋านำกระเป๋าไปส่งพิสูจน์ที่ต่างประเทศซึ่งมีหลายร้าน และออกใบยืนยันให้ได้ด้วย แล้วค่อยเอาค่าใช้จ่ายไปฟ้องเรียกค่าเสียหายก็่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก เจ้าหญิงน้อยแห่งอันดามัน
