หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส.จำนวน 480 คน ปรากฏว่า เป็นที่ฮือฮาพอสมควร เพราะนอกจาก ส.ส.บางคนจะมีเงินสดไหลเข้าบัญชีมากผิดปกติในช่วงเคลื่อนไหวต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติแล้ว
รัฐมนตรีบางคนที่ถูกกล่าวขวัญกันว่า เป็นนายทุนหรือถุงเงินคนสำคัญที่จ่ายเงินผ่านท่อน้ำเลี้ยงไปยัง ส.ส.กลุ่มต่างๆ ของพรรคพลังประชาชนในยามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีถูกอายัดทรัพย์สิน คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลับมีสภาพจนผิกปติ?
กล่าวคือ มีทรัพย์สินเพียง 7,583,115 บาท แต่มีหนี้สินจากการค้ำประกันถึง 121,416,983 บาท รวมมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 113,921,650 บาท
ส่วน นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส. เพชรบูรณ์ พปช. ภริยา มีทรัพย์สิน 11,546,231 บาท หนี้สิน 101,424,515 บาท รวมมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 89,878,283 บาท
เมื่อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายสันติโดยละเอียด นายสันติอ้างว่า มีรายได้จากเพียง 2 ทาง คือ เงินเดือน ส.ส.ทั้งปี 2551 จำนวน 1,171,728 บาท และรายได้จากเงินเดือนบริษัท 1,900,000 บาท รวมแล้ว 3,071,728 ล้านบาท
ขณะที่หนี้สินที่เกิดจากการค้ำประกันนั้น เป็นคดีที่นายสันติไปค้ำประกันหนี้ให้แก่บุคคลอื่น 6 คดีและเป็นหนี้ที่นายสันติเป็นลูกหนี้โดยตรง 1 คดี รวม 6 คดี ดังนี้
1. คดีดำที่ ธ.21276/2542 คดีแดงที่ธ.03439/2544
มีธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์
จำเลย ประกอบด้วย บริษัท การ์เด้น รีสอร์ท อินน์ จำกัด ที่ 1 บริษัท พานิชเปร็ง จำกัด ที่ 2 บริษัท ท่าเจ้าคุณ จำกัด ที่3 นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่ 4 นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ที่ 5 มูลหนี้ 57,976,983.56 บาท
ปัจจุบันหนี้ในคดีดังกล่าว อยู่ในระหว่างการสวมสิทธิรับโอนสินทรัพย์ไปให้กับ บริษัท บริหารสินทรัพย์เพชรบุรี จำกัด
2.คดีดำที่ ธ.13986/2543 คดีแดงที่ ธ.00434/2546
มีธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์
จำเลย บริษัท สยามไดนาแพค จำกัดที่ 1 บริษัท ภาสวรรณทรานสปอร์ต จำกัด ที่2 บริษัท ท่าเจ้าคุณ จำกัด ที่3 นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่ 4 นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ที่ 5
3.คดีดำที่ ธ.15394/2543
มี ธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์
จำเลยประกอบด้วย บริษัท สยามไดนาแพค จำกัด ที่1 บริษัท ภาสวรรณทรานสปอร์ต จำกัด ที่2 บริษัท ท่าเจ้าคุณ จำกัด ที่ 3 นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่ 4 นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ที่ 5 จำเลย
4.คดีดำที่ ธ.16803/2542
มี ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์
จำเลยประกอบด้วย บริษัท สยามไดนาแพค จำกัด ที่ 1 บริษัท นครินทรพานิช จำกัด ที่ 2 บริษัท สวนนิชพรรณ จำกัด ที่ 3 บริษัท ท่าเจ้าคุณ จำกัด ที่ 4 บริษัท พานิชเปร็ง จำกัด ที่ 5 บริษัท เมืองสวน จำกัด ที่ 6 บริษัท การ์เด้นรีสอร์ท อินน์ จำกัด ที่7 นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่ 8 นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ที่ 9 จำเลย
5.คดีดำที่ กค.696/2543
มีธนาคารไทยธนาคาร จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์
จำเลย ประกอบด้วย บริษัท สยามไดนาแพค จำกัด ที่1 บริษัท ภาสวรรณทรานสปอร์ต จำกัด ที่ 2 บริษัท ท่าเจ้าคุณ จำกัด ที่3 นายสันติ พร้อมพัฒน์ที่ 4 นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ที่ 5 จำเลย
จำเลย ตั้งแต่ลำดับที่ 2-5 ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้และมียอดหนี้คงเหลือจำนวน 44,000,000 บาท(สี่สิบสี่ล้านบาทถ้วน) และได้ชำระหนี้บางส่วนจำนวน 560,000 บาท คงเหลือหนี้ที่จะต้องต้องชำระอีก 43,440,000 บาท (สี่สิบสามล้านสี่แสนสี่หมื่นบาท)
6.คดีดำที่ 02993/2548
บริษัท วัฒนาอินเตอร์เทรด จำกัด เป็นโจทก์
นายสันติ พร้อมพัฒน์ จำเลย
ทั้งนี้โจทก์ถอนฟ้องคดี อย่างมีเงื่อนไขตามสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ โดยกำหนดยอดหนี้เงินต้น 20 ล้านบาท (ยี่สินล้านบาทถ้วน) และปัจจุบันได้มีการชำระหนี้บางส่วน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท คงเหลือยอดหนี้ เป็นเงินจำนวน 15,000,000 บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยตามสัญญาประนีประนอม
นอกจาก 6 คดีดังกล่าวแล้วบริษัทอินเตอร์เรเซีย และ นายสันติ ยังเคยถูกบริษัท โตคิว ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ เป็นโจกท์ฟ้องล้มละลาย จนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 3 กันายน 25546 แต่ต่อมาศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2546
"มติชนออนไลน์" ได้ตรวจสอบบริษัทที่นายสันติและนางวันเพ็ญไปค้ำประกันทั้งหมดแล้วพบว่า บริษัททั้งหมดดังกล่าวมิได้ส่งงบการเงินให้แก่กระทรวงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2536- 2540 และมีผลประกอบการขาดทุนทั้งหมด
นอกจากนั้น ที่สำคัญบริษัททั้งหมดไม่มีชื่อนายสันติหรือครอบครัวนายสันติเป็นกรรมการบริษัทเลย แต่มีนายพิชัย พร้อมทวีสิทธิ์กับพวก ได้แก่ น.ส.กัญญารัตน์ ทองแถม และนายสสิน พิริยะชัยวรกุล เป็นกรรมการบริษัททุกบริษัท
แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่านั้นคือ นายนายพิชัย พร้อมทวีสิทธิ์ เป็นกรรมการรัชดา มิลเลนเนี่ยม ทาวเวอร์ จำกัด (อาคารัชดาสแควร์ ถนนรัชดาภิเษก ที่เพิ่งถูกไฟไหม้ไป) ซึ่งเดิมชื่อบริษัทเจ้าคุณอุตสาหกรรมและการเกษตร บริษัทดังกล่าวเคยกู้ยืมเงินจากคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีเป็นเงิน 160.25 ล้านบาท (บัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2544)
ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ระหว่างนายสันติกับคุณหญิงพจมานผ่านการกู้เงินกว่า 160 ล้านบาทดังกล่าวเป็นอย่างดี
จึงไม่แปลกที่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา จึงเห็นการตอบแทนบุญคุณกันระหว่างบุคคล 2 กลุ่ม ซึ่งในที่สุดนายสันติซึ่งแม้จะอยู่ในแวดวงการเมืองมาหลายปีแต่ไม่เคยแสดงบทบาทโดดเด่นถึงได้คว้าเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไปครองโดยที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไม่สามารถสลับสับเปลี่ยนได้
นอกจากหนี้ค้ำประกันแล้ว นายสันติยังเป็นหนี้สินเบิกเกินบัญชี จากบัตรเครดิต 6 ใบ ประกอบด้วย
1.ไทยพาณิชย์ วงเงิน 300,000 บาท บัตรเครดิต VISA CARD 4773 7601 0085 5747 เป็นหนี้ 19,104.03 บาท
2.ไทยพาณิชย์ บัตรเครดิต MASTER CARD 5414 9635 0091 1498 เป็นหนี้ 354.15 บาท
3.ไทยพาณิชย์ บัตรเครดิต VISA CARD 4907 3403 0024 3652 เป็นหนี้ 2,168.94 บาท
4.บัตรเครดิต ไม่จำกัดวงเงิน บัตร AMERICAN EXPRESS 3763 088131 11005
5.บัตร AMERICAN EXPRESS (บัตรเสริม) ของ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ 3763 088131 11013 เป็นหนี้ รวม 20,330.00 บาท
6.บัตรเครดิต แพลทินั่ม การบินไทย AMERICAN EXPRESS 3763 158277 21000 เป็นหนี้ 45,825.08 บาท
จากข้อมูลหนี้สินของนายสันติทั้งหมด กับคำกล่าวขวัญถึงการเป็นถุงเงินและท่อน้ำเลี้ยงของพรรคพลังประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดปริศนาขึ้นมาว่า บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายสันติ พร้อมพัฒน์แสดงถึงความจนผิดปกติหรือไม่? และ ป.ป.ช.จะทำหน้าที่ตรวจสอบในฐานะผู้คุมกฎนี้อย่างไร?
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
