ไวรัล หม้อหุงข้าวรู้ได้ไงว่าข้าวสุกแล้ว โซเชียลแห่ดูคำตอบถึงกับบางอ้อ หลังสงสัยมาเนิ่นนาน งานนี้นอนตายตาหลับสักที
เรียกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำหลายคนอาจสงสัยกันมาทุกยุคทุกสมัยเลยก็ว่าได้ เกี่ยวกับคำถามที่ว่า หม้อหุงข้าวรู้ได้อย่างไรว่าข้าวสุกแล้ว แถมบางโรงเรียนยังออกเป็นข้อสอบในวิชาวิทยาศาสตร์อีกด้วย
ล่าสุด (16 มกราคม 2566) เพจเฟซบุ๊ก Top Comment ได้แชร์คอมเมนต์ของชาวเน็ตท่านหนึ่งที่ออกมาให้ข้อมูลคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า หม้อหุงข้าวไม่ได้รู้ว่าข้าวสุก แต่มีปัจจัยนี้ที่ทำให้เมื่อหม้อหุงข้าวสุก ไฟจะเด้งทุกครั้ง
"น้ำเดือดที่ 100 องศา ตราบใดที่น้ำยังมีอยู่ น้ำจะดูดความร้อนแล้วคายออกมาเป็นไอน้ำตลอดเวลา ทำให้อุณหภูมิภายในหม้อจะไม่เกิน 100 องศา ตลอดเวลา (ค่านี้เปลี่ยนไปตามแรงดันของหม้อแต่ละยี่ห้อ)
จนกระทั่งน้ำระเหยหมด อุณหภูมิที่ก้นหม้อจะค่อย ๆ สูงขึ้น ๆ เพราะไม่มีน้ำช่วยดูดความร้อนอีกต่อไป จนตัวตัดไฟทำงานเมื่อถึงอุณหภูมิที่กำหนด สรุปว่า มันไม่รู้ว่าข้าวสุก แต่มันรู้ว่าน้ำหมดจากความร้อนที่สูงขึ้น"
งานนี้ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์กันสนั่น ส่วนใหญ่บอก สงสัยมานาน บางคนถึงกับบอกเกิดมาก็เพิ่งรู้ นอนตายตาหลับแล้ว นอกจากนี้มีคนให้ข้อมูลเพิ่มด้วยว่า หม้อหุงข้าวระบบอนาล็อกจะใช้ความร้อนตัด ส่วนระบบดิจิทัลจะใช้นับเวลา
ขณะที่มีคนสงสัยหากเป็นอย่างข้อมูลข้างต้น แล้วทำไมถึงมีข้าวแฉะ ซึ่งก็มีคนมาอธิบายว่า ข้าวแฉะเพราะข้าวอมน้ำจนไม่มีน้ำช่วยลดอุณหภูมิ ทำให้หม้อร้อนเลยตัดไฟ สรุปที่ข้าวแฉะ น้ำไม่ได้อยู่ที่หม้อแต่อยู่ที่ข้าว
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสาระน่ารู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลไกการทำงานของหม้อหุงข้าว ว่า หม้อหุงข้าวมีหลักการทำงานเช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนอื่น ๆ คือมีขดลวดนิโครมที่จะเกิดความร้อนเมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน
ความร้อนที่เกิดขึ้นจะส่งต่อมายังแผ่นความร้อนซึ่งอยู่ด้านในก้นหม้อชั้นนอก และส่งต่อไปยังหม้อชั้นในเพื่อทำให้ข้าวสุก ถ้าเปรียบเทียบให้ชัดเจน คือ ตัวหม้อชั้นนอกทำหน้าที่เป็นเตา หมอชั้นในเป็นหม้อข้าวและแผ่นความร้อนเป็นเชื้อเพลิง
หม้อหุงข้าวจะตัดสวิตช์ตัวเองโดยอัติโนมัติเมื่อข้าวสุก หรือตัดไปที่สวิตช์การอุ่นข้าว ซึ่งการทำงานตรงจุดนี้เป็นกลไกที่อาศัยหลักการทำงานของอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิหรือที่เรียกว่า เทอร์โมสตัท (Thermostat)
