คืบหน้าคดี แอม ไซยาไนด์ ตำรวจตรวจสอบบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 ปี พบรายชื่อคนโอนเงิน 18-20 คน ตั้งแต่หลักหมื่น-แสน เสียชีวิตหลังโอนได้ไม่นาน และรีบทำลายหลักฐานอำพรางร่องรอย
จากกรณี แอม ไซยาไนด์ หรือ นางสรารัตน์ เท้าแชร์ใน จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง นำสารเคมีไซยาไนด์มาใช้วางยาจนมีจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 13 ราย เนื่องด้วยหวังเอาทรัพย์สินและฆ่าล้างหนี้จากการทำวงแชร์ รวมถึงขณะนี้เจ้าตัวยังอยู่ระหว่างการฝากขังผัดแรกของพนักงานสอบสวน ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง และยังตั้งครรภ์ 4 เดือนอยู่ด้วยนั้น
ล่าสุด (29 เมษายน 2566) เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคืบหน้าไปมาก พยานหลักฐานต่าง ๆ แน่นหนาพอสมควร เชื่อว่าสามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้ ขณะที่การสอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ อยู่ระหว่างเรียกสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยเฉพาะ น.ส.นก พยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านธนบุรี ถือเป็นพยานบุคคลสำคัญอีกราย จัดอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทของแอม และมักพูดคุยปรึกษาปัญหาเรื่องชีวิตด้วยกัน เช่นเดียวกับ น.ส.จอย พยานที่เคยให้การไปก่อนหน้านี้ จึงเชื่อว่าคำให้การจะเป็นประโยชน์กับรูปคดีนี้ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับวงแชร์และพฤติกรรมส่วนตัวของผู้ต้องหา
ทั้งนี้ ภายหลังจับกุมตัวแอม เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังคงร่วมกันสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาพยานหลักฐานความเชื่อมโยงของแต่ละคดีที่แอมเข้าไปมีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตปริศนาของเหยื่อทุกราย ซึ่งถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะมีมากกว่า 14 ราย
พบคนโอนเงิน 18-20 คน ตั้งแต่หลักหมื่น-แสน เสียชีวิตหลังโอนให้แอมได้ไม่นาน
เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เส้นทางการเงินของแอมมีความผิดปกติ เช่น มีบุคคลจำนวนมากโอนเงินเข้ามายังบัญชีธนาคารของแอม ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน และในจำนวนคนที่โอนเงิน 18-20 คน ได้เสียชีวิตลงหลังจากนั้นไม่นาน มีทั้งบุคคลที่เคยปรากฏรายชื่อผู้เสียชีวิตตามสื่อต่าง ๆ และบุคคลยังไม่เคยปรากฏชื่อ หรือข้อมูลใดมาก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่ประมาณ 5-7 ราย จะเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาด้วยหรือไม่
หลังลงมือฆ่าเหยื่อจนตาย สิ่งแรกที่แอมมักจะลงมือทำคือ การทำลายหลักฐานอำพรางคดี
จากแนวทางสืบสวนพบว่า สิ่งแรกที่แอมมักจะลงมือทำหลังจากลงมือฆ่าเหยื่อจนเสียชีวิตแล้ว คือการทำลายหลักฐานอำพรางคดี ให้ยากต่อการแกะรอย สอดคล้องกับพยานวัตถุ โทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ที่ตรวจยึดได้จากแอม อีกทั้งยังพบว่า แอมมักเลี่ยงที่จะติดต่อสื่อสารกับเหยื่อผ่านสัญญาณโทรศัพท์โดยตรง แต่จะใช้การโทร. หรือแชตสนทนาผ่านแอปฯ สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์
