ทักษิณ วิเคราะห์ 5 ข้อ เหตุเพื่อไทยแพ้ก้าวไกล เมื่อกระสุนไม่สู้กระแส เจอสึนามิสีส้ม !


         ทักษิณ ชินวัตร เผยเหตุที่พรรคเพื่อไทย แพ้การเลือกตั้งให้พรรคก้าวไกลในรอบนี้ เมื่อกระสุนไม่สู้กระแส เพื่อไทยคือแรงแต่ก้าวไกลแรงกว่า ยอมรับความผิดพลาด ขอนำไปปรับปรุง

         การเลือกตั้ง 2566 ถือเป็นการหักปากกาเซียนและโพลจากทุกสำนัก ที่ยกให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งรอบนี้ แต่กลายเป็นว่า พรรคก้าวไกลกลับกวาดคะแนนทั้งแบบแบ่งเขตและปาร์ตี้ลิสต์ มี ส.ส. กว่า 150 ที่นั่ง กลายมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลในที่สุด

         ล่าสุด วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 กลุ่ม แคร์ คิดเคลื่อนไทย ได้มีการถกประเด็นถึงข้อผิดพลาดของพรรคเพื่อไทย ที่กลายมาเป็นพรรคอันดับ 2 โดยมี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ด้วย


1. ทักษิณ ยอมรับ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ ปรับตัวได้ไม่ทัน ในขณะที่พรรคก้าวไกลไปไว กลายเป็นสึนามิสีส้ม


         ทั้งนี้ ทักษิณ ชินวัตร ยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยเจอสึนามิจากพรรคก้าวไกล จากตอนแรกที่โพลออกมาชัดว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับ 1 และพรรคก้าวไกลที่ตอนแรกมีกระแสมาบ้าง แต่ตอนหลังกระแสมาเยอะมาก จนแซงขึ้นเป็นพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในที่สุด

         ตนขอยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ใช้เวลา 2 สมัยและขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ได้ แสดงว่าเก่งมาก โดยเฉพาะใน กทม. ที่เป็น "สึนามิ" นอกจากใน กทม. ที่มี ส.ส.อิ่ม จากเขตลาดกระบังของพรรคเพื่อไทย ที่ชนะอยู่ 4 แต้มเท่านั้น


         ย้อนกลับไปสมัยไทยรักไทย ที่เป็นพรรคสร้างใหม่ และ disrupt พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคเก่าแก่ ด้วยการชนะประชาธิปัตย์ขาดลอย เพราะเราเน้นการสร้างนโยบาย ในยุคอะนาล็อก เป็นการเดินปราศรัย ชี้แจงนโยบาย และหมอเลี๊ยบที่บอกว่า มาถึงครั้งนี้ ต้องเป็นพรรคเพื่อไทยที่ต้องเปลี่ยนตัวเอง ให้พรรคทันสมัยขึ้น แม้พรรคเพื่อไทยจะรีแบรนด์ แต่ด้วยความที่พรรคมีขนาดใหญ่ จึงจำเป็นต้องปรับแบบ Sustaining innovation ปรับของที่มีให้ทันสมัย แต่ไม่พอ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและทันกาล

         ในขณะที่ก้าวไกล คือ เหมือนการปรับตัวแบบ SME ไม่จำเป็นต้องออกสินค้าที่ดีมาก ไม่เหมือนแบรนด์ดังที่สินค้าต้องเนี้ยบ แต่สำคัญคือ สินค้าของก้าวไกลตรงใจลูกค้า ดังนั้น เพื่อไทยต้องทำ Disruptive innovation


2. พรรคก้าวไกล ใช้โซเชียลมีเดียเก่ง TikTok ไปไว ปั้นหัวคะแนนธรรมชาติ


         จะเห็นว่าก้าวไกล ใช้ UGC-User generated content หรือการให้คนที่เป็นด้อมส้ม คนที่เชียร์ ช่วยกันทำคอนเทนต์แล้วเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย มากกว่าการที่พรรคจะเป็นคนทำคอนเทนต์เองแล้วโหมโปรโมต เช่น ไอซ์ รัชนก ว่าที่ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางบอน ที่ใช้วิธีการที่ไอซ์โพสต์ภาพของตัวเองถือกระดาษเปล่า แล้วให้คนเอาข้อความมาเติมลงในภาพ กลายเป็นมีคนมาช่วยสร้างคอนเทนต์และกระจายเป็นลูกโซ่  และก้าวไกลใช้ TikTok เยอะ และสมาชิกใน TikTok นั้นเยอะมากที่สุด มันเลยไปเร็ว และเกิดหัวคะแนนธรรมชาติ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ

3. พรรคก้าวไกล กับเสียงสะท้อนจากปาร์ตี้ลิสต์ เอากระแสสู้กระสุน เงินน้อยแต่ได้ใจคนมากกว่า


         การเลือกตั้งครั้งนี้เราจะเห็นว่า บางพรรคได้ ส.ส.เขต เยอะมาก แต่ปาร์ตี้ลิสต์นิดเดียว อันนี้คือพลังเงิน เท่ากับว่าความนิยมในพรรคไม่มี แต่เอา ส.ส. มาได้ การทำแบบนี้จะได้พรรคการเมืองที่หาเงินและเอาเงินไปซื้อเสียง และเดี๋ยวนี้ซื้ออย่างน้อย 500 บาท ส่วนใหญ่หัวละ 1,000 บาท และต้องซื้อให้ชนะต้องลงเงินประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งมีคนแย่งกันซื้อเสียง ยิ่งสบาย เพราะสุดท้าย คนเลือกตามใจชอบ

         เพื่อไทยโดนกระแสก้าวไกลไม่พอ แต่โดนพรรคที่มีเงินซื้อ ทำให้โดนกระแสและกระสุนพร้อมกัน รอดมาได้ขนาดนี้ถือว่าได้หลวงพ่อดี


4. พรรคเพื่อไทย ตอนแรกกระแสดี ส.ส. ไม่ยอมลงพื้นที่เพราะเหลิง เลยจบที่พรรคอันดับ 2


         อีกสาเหตุคือ การที่ ส.ส. ที่เคยเป็นบ้านใหญ่ ไม่ยอมลงพื้นที่ ก่อนที่อุ๊งอิ๊งลาคลอด กระแสดี ทำให้ ส.ส. บางคนเหลิง ทำงานไม่เข้มข้น และคิดว่าตัวเองจะชนะ ซึ่งเรื่องนี้ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด


5. ทักษิณชี้ พิธาคือจุดเปลี่ยนสำคัญ นี่คือยุคของนักการเมืองรุ่นใหม่ คนแก่อย่างเราต้องหลบ


         ในช่วงแรกที่พรรคเพื่อไทยโดน IO คือ บอกว่าพรรคเพื่อไทยมีดีลกับบิ๊กป้อม จนอุ๊งอิ๊งและหมอชลน่านออกมาปฏิเสธ และตอนหลังทางอุ๊งอิ๊งก็ต้องมาบอกว่า ไม่เอา 2 ลุง แต่ตอนนั้นก็ไม่มีคนฟัง เรื่องแบบนี้ออกโดยคน พัฒนาโดยหุ่น ตั้งแอคเคานต์หลุมขึ้นมาและให้มีปั่นข่าว

         นอกจากนี้ยังมีไอโอบอกอีกว่า ทางพรรคเพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล ทั้งที่พรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนชัดว่าไม่มีการจับมือใคร หาว่าเป็น "ดีลลับ" ตนอยู่เมืองนอกตั้งนาน จะมีดีลลับอะไร ถ้ากลับไปเมืองไทย คงมี "ดีลสว่าง"


         พรรคเพื่อไทยมาจากพรรคไทยรักไทย หัวใจคือการสร้างสปิริตของพรรคการเมือง ไม่ต้องบอกให้ใครพูดอย่างไร ทุกคนพูดกันหมด ถ้าพรรคการเมืองอยากเป็นประชาธิปไตย ต้องมีสปิริตของพรรคประชาธิปไตย ไม่ใช่อยากแต่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือหาเงินไว้เตรียมเลือกตั้งครั้งหน้า เราต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งหลักการ ถ้าเมื่อไรที่โกหก เจอ 10 คนจะพูด 10 เรื่อง เราซื่อจนบางครั้งกลายเป็นซื่อบื้อ เลยต้องมาอยู่เมืองนอก

         พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ว่าจะได้เป็นพรรคร่วมหรือไม่ ก็จะยกมือให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่อุ๊งอิ๊งพูดตั้งแต่วันแรก และคนแก่ทางการเมืองต้องหลบ อย่าคิดว่าจะมาแก้ตัวใหม่ ต้องหยุดแล้ว วันนี้ไม่ใช่ยุคของเรา แต่เป็นยุคของลูกหลาน อย่างพิธาอายุ 42 ปี ออกดีเบตแล้วดูดี เพราะเขาอยู่กับโลกปัจจุบัน โลกอนาคต พูดจาฉะฉาน "ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี" คือ เรียนเก่งก็ดี คิดเก่งดีกว่า แต่พูดเก่งนั้นดีที่สุด คนรุ่นใหม่จะกล้าแสดงออกมากกว่า


เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทักษิณ วิเคราะห์ 5 ข้อ เหตุเพื่อไทยแพ้ก้าวไกล เมื่อกระสุนไม่สู้กระแส เจอสึนามิสีส้ม ! อัปเดตล่าสุด 17 พฤษภาคม 2566 เวลา 15:14:39 23,840 อ่าน
TOP
x close