แม่ยึดโทรศัพท์ลูกสาว 9 ขวบ เปิดเห็นบันทึกระบายความในใจถึงกับอึ้ง ทำไมลูกคิดแบบนี้... จะทำอย่างไรดี รักลูกมากไปจนกลายเป็นทำร้ายลูก
ทำเอาคุณแม่ท่านหนึ่งถึงกับไปไม่เป็น จนต้องออกมาโพสต์ข้อความขอคำปรึกษา หลังจากเปิดบันทึกในโทรศัพท์ของลูกสาวเขียนข้อความระบายทุกข์ว่า "เกลียดครอบครัวนี้ที่สุด อยากตาย มีแต่การกดดัน" โดยคุณแม่บรรยายความรู้สึกหลังเห็นโน้ตข้อความดังกล่าวของลูกสาวว่า รู้สึกอึ้งและเสียใจ ทำไมลูกถึงคิดแบบนี้ เธอเลี้ยงลูกผิดพลาดตรงไหนไป มีแต่คำถามในหัววนไปวนมาว่า "ทำไม ?" รู้สึกเหมือนรักลูกมากไปจนกลายเป็นทำร้ายลูก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ลูกสาว 9 ขวบ แต่ก่อนน่ารัก ตอนนี้ลูกเริ่มเอาแต่ใจ
ตอนนี้ลูกสาวอายุ 9 ขวบ มีนิสัยเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นศูนย์กลางของโลก ไม่รู้จักรอคอย ไม่รู้จักว่าตัวเองผิด แพ้ไม่เป็น ต้องเอาชนะ แต่นิสัยเดิมของลูกปกติจะน่ารัก แต่แม่รู้สึกว่ามันเริ่มไม่ใช่ เมื่อลูกเริ่มมีนิสัยที่ไม่น่ารัก เอาแต่ใจ และเริ่มรุนแรงขึ้น ไม่ได้รุนแรงทางกาย แต่เหมือนเป็นทางจิตใจและอารมณ์ของลูก เริ่มเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและเริ่มมีนิสัยแบบนี้กับคนรอบ ๆ ตัว รวมถึงเพื่อนที่โรงเรียนด้วย ทำให้แม่กลัวว่าจะไม่มีคนรักลูก
ปกติแล้วแม่จะเลี้ยงแบบค่อนข้างตามใจ เลี้ยงเหมือนเพื่อน ซื้อให้หมดที่อยากได้ ทำให้หมดที่ต้องการ ไม่เคยสอนลูกด้านวินัย ไม่เคร่งเรื่องเรียน สนับสนุนทุกกิจกรรมที่ลูกทำทุกอย่าง มันก็ปกติ แต่ทำไมลูกเริ่มไม่ปกติ แม่ไม่คิดเลยว่ามันคือผลเสีย มันเป็นเพราะความรักลูก อยากให้ลูกมีอยากให้ลูกสบาย
เมื่อลูกเริ่มโต แม่เริ่มที่จะเอาไม่อยู่ เวลาสอน ลูกเริ่มเถียง ถึงขั้นว่าพ่อแม่ ลูกไม่ฟังที่แม่พูด เคยใช้ทั้งการสอนแบบใจเย็นหรือแบบตี มันกลับยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม ลูกไม่รับฟังสิ่งที่แม่พูด กลายเป็นว่าที่สอนคือการไปกดดัน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
แม่กลุ้มใจ ควรแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ?
คุณแม่เจ้าของโพสต์ตั้งคำถามด้วยว่า เธอควรแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ยอมรับว่าตามใจลูกมากเกินไปจนส่งผลแบบนี้ ตอนนี้มันจะยังแก้ได้ไหม รู้สึกยิ่งแก้ยิ่งแย่ ยิ่งยึดโทรศัพท์ ลูกก็จะยิ่งโกรธหนัก เครียดมาก พร้อมรบกวนแม่ ๆ ที่มีประสบการณ์แบบนี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเธอได้เผยแนวทางที่คิดไว้ว่าจะทำ แต่ไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะส่งผลดีหรือผลเสียตามมา ได้แก่
1. ยึดโทรศัพท์ เพราะตอนนี้โทรศัพท์เหมือนสิ่งมีค่าสำหรับลูกเลยก็ว่าได้ เคยลองยึดแล้ว แต่แค่ 2-3 ชั่วโมง พอเห็นลูกทำตัวดีขึ้นก็เลยคืน เพราะสงสารลูก
2. ปล่อยเลยตามเลย ให้ลูกรู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ตามใจเหมือนเดิม ไม่ซื้อของที่อยากได้ให้
ทั้งนี้ ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ก็มีชาวเน็ตซึ่งส่วนมากเป็นเหล่าคุณแม่เข้ามาแชร์ประสบการณ์เลี้ยงลูกและร่วมกันเสนอแนวทางอย่างหลากหลาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
ทำเอาคุณแม่ท่านหนึ่งถึงกับไปไม่เป็น จนต้องออกมาโพสต์ข้อความขอคำปรึกษา หลังจากเปิดบันทึกในโทรศัพท์ของลูกสาวเขียนข้อความระบายทุกข์ว่า "เกลียดครอบครัวนี้ที่สุด อยากตาย มีแต่การกดดัน" โดยคุณแม่บรรยายความรู้สึกหลังเห็นโน้ตข้อความดังกล่าวของลูกสาวว่า รู้สึกอึ้งและเสียใจ ทำไมลูกถึงคิดแบบนี้ เธอเลี้ยงลูกผิดพลาดตรงไหนไป มีแต่คำถามในหัววนไปวนมาว่า "ทำไม ?" รู้สึกเหมือนรักลูกมากไปจนกลายเป็นทำร้ายลูก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ลูกสาว 9 ขวบ แต่ก่อนน่ารัก ตอนนี้ลูกเริ่มเอาแต่ใจ
ตอนนี้ลูกสาวอายุ 9 ขวบ มีนิสัยเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นศูนย์กลางของโลก ไม่รู้จักรอคอย ไม่รู้จักว่าตัวเองผิด แพ้ไม่เป็น ต้องเอาชนะ แต่นิสัยเดิมของลูกปกติจะน่ารัก แต่แม่รู้สึกว่ามันเริ่มไม่ใช่ เมื่อลูกเริ่มมีนิสัยที่ไม่น่ารัก เอาแต่ใจ และเริ่มรุนแรงขึ้น ไม่ได้รุนแรงทางกาย แต่เหมือนเป็นทางจิตใจและอารมณ์ของลูก เริ่มเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและเริ่มมีนิสัยแบบนี้กับคนรอบ ๆ ตัว รวมถึงเพื่อนที่โรงเรียนด้วย ทำให้แม่กลัวว่าจะไม่มีคนรักลูก
ปกติแล้วแม่จะเลี้ยงแบบค่อนข้างตามใจ เลี้ยงเหมือนเพื่อน ซื้อให้หมดที่อยากได้ ทำให้หมดที่ต้องการ ไม่เคยสอนลูกด้านวินัย ไม่เคร่งเรื่องเรียน สนับสนุนทุกกิจกรรมที่ลูกทำทุกอย่าง มันก็ปกติ แต่ทำไมลูกเริ่มไม่ปกติ แม่ไม่คิดเลยว่ามันคือผลเสีย มันเป็นเพราะความรักลูก อยากให้ลูกมีอยากให้ลูกสบาย
เมื่อลูกเริ่มโต แม่เริ่มที่จะเอาไม่อยู่ เวลาสอน ลูกเริ่มเถียง ถึงขั้นว่าพ่อแม่ ลูกไม่ฟังที่แม่พูด เคยใช้ทั้งการสอนแบบใจเย็นหรือแบบตี มันกลับยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม ลูกไม่รับฟังสิ่งที่แม่พูด กลายเป็นว่าที่สอนคือการไปกดดัน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
แม่กลุ้มใจ ควรแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ?
คุณแม่เจ้าของโพสต์ตั้งคำถามด้วยว่า เธอควรแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ยอมรับว่าตามใจลูกมากเกินไปจนส่งผลแบบนี้ ตอนนี้มันจะยังแก้ได้ไหม รู้สึกยิ่งแก้ยิ่งแย่ ยิ่งยึดโทรศัพท์ ลูกก็จะยิ่งโกรธหนัก เครียดมาก พร้อมรบกวนแม่ ๆ ที่มีประสบการณ์แบบนี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเธอได้เผยแนวทางที่คิดไว้ว่าจะทำ แต่ไม่รู้ว่าทำแล้วมันจะส่งผลดีหรือผลเสียตามมา ได้แก่
1. ยึดโทรศัพท์ เพราะตอนนี้โทรศัพท์เหมือนสิ่งมีค่าสำหรับลูกเลยก็ว่าได้ เคยลองยึดแล้ว แต่แค่ 2-3 ชั่วโมง พอเห็นลูกทำตัวดีขึ้นก็เลยคืน เพราะสงสารลูก
2. ปล่อยเลยตามเลย ให้ลูกรู้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ตามใจเหมือนเดิม ไม่ซื้อของที่อยากได้ให้
ทั้งนี้ ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปเป็นสาธารณะ ก็มีชาวเน็ตซึ่งส่วนมากเป็นเหล่าคุณแม่เข้ามาแชร์ประสบการณ์เลี้ยงลูกและร่วมกันเสนอแนวทางอย่างหลากหลาย