เคลียร์ของเก่าหลังบ้าน เจอหน้ากากไม้ขาย 5,800 โดนเอาไปขายต่อ ราคาที่แท้จริง 160 ล้าน !

          คู่สามีภรรยาเจอหน้ากากไม้เก่า ขายไปไม่ถึงหมื่น เพิ่งรู้เป็นของหายากขั้นสุด มีไม่กี่ชิ้นบนโลก คนเอาประมูลขายได้ 160 ล้าน


          เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 เว็บไซต์ Business Insider เผยเรื่องราวชวนอึ้งของคู่สามีภรรยาสูงวัยคู่หนึ่งในประเทศฝรั่งเศส ได้ยื่นเรื่องฟ้องร้องพ่อค้าของเก่าในท้องถิ่น ภายหลังจากที่พวกเขาได้ทราบความจริงที่น่าตกใจว่า หน้ากากไม้โบราณเก่า ๆ ที่พวกเขาขายให้ไปในราคาไม่ถึงหมื่น กลับถูกนำไปประมูลขายได้ราคาสูงมหาศาล ต่างกันลิบลับมากกว่าร้อยล้าน เนื่องจากเป็นของหายากที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลก

          ตามรายงานเผยว่า ภรรยาวัย 81 ปี และสามีวัย 88 ปี (ไม่เปิดเผยชื่อ) อาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง แต่มีบ้านเก่าอีกหลังซึ่งนาน ๆ ครั้งจะไปเก็บกวาดทำความสะอาด จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อปี 2564 ขณะที่เคลียร์ของทิ้ง พวกเขาก็ไปเจอหน้ากากไม้โบราณขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง ก่อนที่จะนำไปขายให้ร้านขายของเก่าในท้องถิ่น ภายหลังจากเจรจาเรื่องราคากัน ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงราคากันที่ 150 ยูโร (ราว 5,800 บาท)

          ทางทนายความของคู่สามีภรรยาเข้าใจมาตลอดว่า หน้ากากไม้นั้นเป็นของเก่าทั่วไปที่ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากมาย จนกระทั่งในเวลาต่อมา ทางพ่อค้าของเก่าได้นำไปประเมินราคาและตรวจหาอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสี ก่อนที่จะพบว่า หน้ากากดังกล่าวเป็นงานศิลปะแอฟริกันที่หายาก สมัยศตวรรษที่ 19 ที่ใช้ในพิธีกรรมของชนพื้นเมืองในกาบอง โดยปัจจุบันมีหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

          หน้ากากไม้นี้คือ หน้ากาก Ngil อ่านว่า นีจิล (ni-jil) มีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกว่า ชาวฝาง (Fang People) ในพื้นที่ประเทศกาบอง อิเควทอเรียลกินี และแคเมอรูน แถบแอฟริกากลาง ซึ่งมักจะมีมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนาน ที่ผสมผสานจิตวิญญาณ และศิลปะ

          ด้วยเหตุนี้ หน้ากากไม้อันล้ำค่าดังกล่าวจึงถูกนำไปประมูลขายที่เมืองมงต์เปลลิเยร์ ในราคาเริ่มต้นที่สูงถึง 300,000-400,000 ยูโร (ราว 11.5-15 ล้านบาท) จนกระทั่งในเดือนมีนาคม 2565 หน้ากากไม้โบราณนี้ ถูกขายไปในราคาที่น่าตกใจถึง 4.2 ล้านยูโร หรือราว 162 ล้านบาท กลายเป็นข่าวฮือฮา และในที่สุดทางคู่สามีภรรยาก็ได้ทราบข่าว

          ทั้งคู่กำลังฟ้องร้องพ่อค้าคนดังกล่าว เรียกค่าชดเชยเป็นเงินประมาณ 200 ล้านบาท โดยอ้างว่าถูกโกง กล่าวหาว่าทางพ่อค้าปกปิดพวกเขาไม่ให้รู้ว่าสินค้าชิ้นนั้นมีค่า ทางพ่อค้าไม่ได้เอาสินค้าวางขายในร้านด้วยซ้ำ แต่ติดต่อไปยังบริษัทประมูลในฝรั่งเศส 2 แห่ง ให้ประเมินราคาเพื่อเสนอประมูล ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลว่า พ่อค้ารายนี้ได้แอบติดต่อคนสวนของคู่สามีภรรยา เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครอบครัวและบรรพบุรุษของพวกเขา

          ภายหลังจากสามารถอนุมานความถูกต้องของชิ้นงาน จนนำไปประมูลขายได้ในราคาที่สูงมาก พ่อค้าของเก่าได้แบ่งเงินจำนวนหนึ่งให้กับทางคนสวน และภายหลังจากที่เรื่องราวถูกเปิดโปง พ่อค้ารายนี้ก็พยายามที่จะยุติคดีนี้ โดยจ่ายเงินให้ทั้งคู่เป็นเงินประมาณ 11 ล้านบาท แต่ทางลูกหลานของคู่สามีภรรยาไม่เห็นด้วย และแนะนำให้ฟ้องร้องในที่สุด

          อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกศาลชั้นต้นเข้าข้างทางฝ่ายพ่อค้า ตัดสินให้ทางคู่สามีภรรยาจ่ายค่าเสียหายและค่าธรรมเนียมประมาณ 1.2 แสนบาท แต่ทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์ และยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี โดยในระหว่างนี้ ศาลอุทธรณ์ได้ยึดเงินจากการขายหลักหักภาษีมาไว้ประมาณ 120 ล้านบาท




ขอบคุณข้อมูลจาก Business Insider, All That's Interesting